ในที่สุด Samsung ก็ได้เปิดตัวมือถือขอบโค้งรุ่นแรกของโลกอย่างเป็นทางการเสียที หลังจากที่มีข่าวหนาหูออกกันมาอยู่เรื่อยๆว่า Samsung ซุ่มทำจอโค้งใส่ Smart Phone และการันตีว่าจะนำออกสู่สายตาชาวโลกในเร็ววัน
สุดท้ายแล้วข่าวนั้นก็ปรากฎขึ้นตาม Website และสื่อ IT ต่างๆ หลังจากการประกาศเปิดตัว Smartphone ขอบโค้งรุ่นแรกจาก Samsung ซึ่งได้นำนวัตกรรมขอบโค้งนี้จับใส่ลงใน Galaxy Note Series ซึ่งได้เลือกแบบและรูปทรงในการผลิตมาจากรุ่นพี่อย่าง Galaxy Note 4 ซึ่งได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ไม่นานนัก นามว่า Galaxy Note Edge
Note Edge ถือได้ว่าเป็นก้าวสำคัญและการออกแบบของ Smart device ในยุคสมัยใหม่ ที่ฉีกแนวการควบคุมจากหน้าจอหลักย้ายการควบคุมในปุ่ม Control ต่างๆ และการแจ้งเตือนไปอยู่ตรงขอบจนหมดสิ้น แถมแยกส่วนการทำงานออกจากหน้าจอหลักได้อย่างลงตัวและสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี ส่วนสเปคเครื่อง Note Edge นั้นก็แถบจะไม่ได้ต่างอะไรจาก Note 4 มากเท่าใด แต่ก็จะมีบางจุดที่ต่างกันออกไปแบบคนมองข้ามกันได้ลองตามมาดูกันดีกว่าว่าสองรุ่นนี้มีความต่างอะไรกันอีกนอกจากขอบโค้ง
Spec Galaxy Note Edge
– ระบบปฎิบัติการ Android Kitkat 4.4.4 ตัวล่าสุดก่อนที่จะอัพขึ้นเป็น 5.0 Lollipop
– Display เป็นแบบ Super AMOLED QHD Curved Edge Screen 16.7 ล้านสี ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล (524 PPI) ส่วนขอบด้านข้าง ความละเอียดอยู่ที่ 160 พิกเซล ทำให้มีความละเอียดรวมอยู่ที่ 2560 x 1600 พิกเซล
– Chipset หน่วยประมวลผลเป็นของ Quad-Core Processor Qualcomm Snapdragon 805 ควาเร็ว 2.7 GHZ.
– หน่วยความจำ Ram 3 GB.
– ความจุในตัวเครื่อง 32 GB. และรองรับความจุเป็นแบบ Micro USB สูงสุดถึง 128 GB.
– กล้องหน้ามีขนาดเพิ่มขึ้นคือ 3.7 ล้านพิคเซล เลนมุมกว้างเพิ่มเป็นแบบ 90 องศา F.1.9
– กล้องหลังขนาด 16 ล้านพิคเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED และเทคโนโลยี OIS (Optical Image Stabilizer) กันสั่น
– S Pen Stylus แบบรุ่นใหม่ล่าสุด
– รองรับการทำงานของเซนเซอร์ต่างๆ แสกนลายนิ้วมือ , ตรวจวัดระดับรังสี UV , อัตราการเต้นของหัวใจ , วัดแรงดันอากาศ
– แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAH.
สิ่งแตกต่างกันออกไประหว่าง Note 4 กับ Note Edge
– อันดับแรกเลยคือเรื่องขอบด้านข้างที่โค้ง ที่สามารถทำอะไรเยอะแยะโดยที่ไม่ต้องผ่านหน้าจอหลัก
– แบตเตอรี่ที่ลดขนาดลงจาก 3220 เหลือเป็น 3000 mAH.
– หน้าจอ 5.7 เหลือแค่ 5.6 เพราะคิดว่าเอาส่วนต่างนั้นไปทำขอบโค้งแทน
– Chipset ที่เปลี่ยนจาก Exynos Octa 5433 1.9 GHZ. มาเป็น Snapdragon 805 Quad Core 2.7 GHZ.
– หน้าจอหลักของ Note Edge ดูแล้วเหมือนจะคมชัดกว่า Note 4 อยู่เล็กน้อยแต่ขึ้นอยู่กับการมองของแต่ละคนด้วย
นอกนั้นแล้วเหมือนกันทุกประการทั้งเรื่องกล้องและและสเปคของปากกา Stylus ซึ่งได้รีวิวไปเมื่อครั้ง Note 4
เจาะลึกโหมด Edge สันจอขอบโค้งว่าทำอะไรได้บ้าง แบ่งออกมาใหญ่ๆ ได้ 4 กลุ่ม
Notification – ระบบการแจ้งเตือนนั้นเองแต่แจ้งเตือนได้อย่างไรละ ปรกติแล้วมือถือโดยทั่วไปเวลามีการแจ้งเตือนเข้ามา ไม่ว่าจาก CNN , Facebook , Twitter , Line , Whatapp สื่อ Social ต่างๆ จะเด้งขึ้นมาตรงแถบจอด้านบน แต่สำหรับ Note Edge แล้วพิเศษกว่านั้นคือ เราสามารถตั้งให้การแจ้งเตือนนั้น เด้งมาเตือนตรงโค้งๆ นี้ได้เลยแถบเลื่อนไปทางด้านข้างให้เราสามารถอ่านข้อความบางส่วนได้อีกด้วย ตัดปัญหาเวลาเราทำงาน หรือดูคลิปวีดีโออยู่แล้วมีพวกแจ้งเตือนเข้ามารบกวน แต่คราวนี้เด้งไปตรงขอบโค้ง แยกส่วนกันทำงานไปเลย ดีจริงๆ พ่อคุณ
Shortcut – ผู้ใช้สามารถตั้งเมนูลัด หรือ App ต่างๆ ที่เราใช้บ่อยมากที่สุดมาวางไว้ตรงขอบข้างๆ เนี้ยได้เลย
Express Me – ข้อความแสดงตัวตนที่จะเป็นทั้งข้อความหรือรูปภาพที่ผู้ใช้สามารถเขียนบันทึกลงไปบนขอบจอนี้ได้เลย
Feed Message – แถบเลื่อนการแจ้งเตือนข่าวสาร คล้ายๆ เวลาที่เราดูข่าวทาง Tv แล้วมีแถบตัวหนังสือวิ่งขึ้นมาให้เราได้อ่านไปพร้อมดูข้อมูลข่าวสารไปพร้อมกันๆ อารมณ์เดียวกันแบบนั้นเลย ส่วนข่าวสารนั้นทาง Note Edge ที่ให้มาก็จะเป็น Yahoo , Twitter , Facebook , CNN เป็นต้น ส่วนอนาคตจะรองรับภาษาไทยได้ไหมก็ต้องรอชมต่อไป รอนักพัฒนาอยู่จ้า
นี้คือหลักการใช้งานแบบใหญ่ๆ ที่เสริมเข้ามาให้ผู้ใช้ได้รับความสะดวกสบายในการใช้ Note Edge ได้มากขึ้นกว่าเดิมนั้นเอง
คราวนี้ของมาดูในส่วนของ Setting กันดีกว่า หากสังเกตุดีๆ ตรงแถบด้านบนและล่างของขอบจอ Edge นั้นจะมีเครื่องหมายอยู่ 2 แบบ
1. เครื่อหมายแบบ 2 ขีด ทางขอบบนหากลากลงมาจะเป็นแถบ Icon เครื่องมืออยู่ด้วยกัน 5 ชนิด
– ไม้บรรทัด : อ่านไม่ผิดหรอกมีไม้บรรทัดจริงๆ แถมวัดได้ทั้ง นิ้ว และ เซนติเมตร หากเป็นแบบนิ้ววัด 4 นิ้ว และแบบเซนติเมตรวัดได้ถึง 10 เซนติเมตรเลยทีเดียว เวลาเอามาขีดบนโต๊ะคงเท่น่าดูไม้บรรทัดอันละเกือบ 3 หมื่น
– นาฬิกาจับเวลา : ลักษณะการใช้งานก็คล้ายๆ นาฬิกาจับเวลาทั่วไป เพียงแต่นี้ดันอยู่บนขอบจอ Note Edge ไงละ
– จับเวลาถอยหลัง : สรรพคุณไม่ได้ต่างไปจากทั่วไป อยู่ที่ผู้ใช้จะนำไปประยุกต์อย่างไรให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
– ไฟฉาย : เมื่อก่อนเวลาเราต้องการเปิดไฟ LED ของโทรศัพท์นั้นต้องโหลด App Flashlight มาเพื่อไปบังคับให้ ไฟแฟลช LED จากล้องนั้นฉายไฟหาของให้เรา แต่ตอนนี้ไม่ต้องยุ่งยากละ มีมาให้สำเร็จรูปเลย
– ที่บันทึกเสียง : จริงๆ โหมดนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นเมนู Shortcut ก็ว่าได้สำหรับที่บันทึกเสียง เพราะปรกติโหมดนี้จะแสดงอยู่ด้านในระบบของ Note Edge
2. เครื่องหมายหลังคาบ้านสามเหลี่ยมชี้ขึ้นบน ทางขอบจอล่างหากลากขึ้นแล้วละก็ จะพบกับเฟืองแสดงถึง Setting นั้นเอง
ในส่วนนี้คือหัวใจหลักสำคัญที่ผู้ใช้ต้องตั้งค่า Display , Notification ต่างๆ ผ่านทางนี้เพื่อให้แสดงผลออกมาทางจอ Edge Screen เมนูย่อยๆ แบ่งออกเป็นได้อีก 5 ข้อย่อย ดังนี้
– Manage Panels : เป็นการเลือกแถบแสดงบน Edge Screen ที่ได้มากถึง 10 แบบ เช่น Shortcut เมนูต่างๆ ข่าวสารจาก CNN , Facebook , Yahoo วัดอุณภูมิ หรือแม้แต่เล่นเกมก็ยังได้ สามารถดาวโหลดเพิ่มเติมได้จาก Samsung Store
– Express Me : แถบกำหนดลูกเล่นขอบจอเวลาจะ Unlock Screen จะใส่เป็นภาพ ข้อความด้วยลายมือจากผู้ใช้เอง หรือแถบสีต่างๆ ที่ทาง Samsung กำหนดมาให้
– Information Stream : แถบนี้จะเป็นการแสดงอัพเดท และแจ้งเตือนถึงข้อความที่ผู้ใช้ไม่ได้อ่านจากข้อมูลที่ให้ ซึ่งตอนนี้มีแค่ของทาง Yahoo เท่านั้น
– Night Clock : Display แสดงว่า วันและเวลาในขณะที่เป็นโหมด Lock Screen
– Edge Screen Text : ตรงนี้ไม่มีอะไรมาก นอกจากข้อความอะไรก็ได้ที่อยากจะบอก ได้ทุกภาษา บนขอบ Edge Screen
– Show Edge Screen On Left : เป็นเมนูไว้สำหรับคนที่ถนัดซ้าย ไว้ให้นิ้วโป้งด้านซ้ายได้สัมผัสกับขอบโค้งอย่างใกล้ชิด พอผู้ใช้กับหัว Note Edge แล้ว จอจะกลับหัวและกลับข้างเพื่อให้ผู้ที่ถนัดซ้ายได้ใช้งานคล่อตัวมาก
สรุปการใช้งานและความคิดเห็นส่วนตัว
ก็ต้องยอมรับและซูฮกเฮีย Samsung เค้าเลยที่สามารถข้ามขีดความจำกัดการใช้แบบเดิมๆ ฉีกกฏเกณฑ์ต่างๆ จากหลายสำนักที่บอกว่าจอโทรศัพท์ จอโทรทัศน์เนี้ยนะจะสามารถทำโค้งได้ หรืองอได้ จนแล้วจนรอดก็ได้เห็น ได้สัมผัส ตัวเป็นๆกันไปกับเจ้า Galaxy Note Edge ฉะนั้นแล้วหากพูดถึงเรื่องลักษณะการใช้งานที่เปลี่ยนไป หลายคนอาจถามและตั้งข้อสงสัยว่า จะเปลี่ยนไปแค่ไหนหน้าจอขอบนิดเดียวจะไปทำอะไรได้ ต้องให้โดนเองดีกว่าถึงจะรู้ว่าเจ้าขอบโค้งเนี้ยไม่ได้มีดีที่ขอบโค้ง แต่ยังรวบรวมเอาสิ่งที่เป็นปัญหาที่พบเจอและโดนบ่นมากที่สุดในแต่ละเคสของการใช้โทรศัพท์ในสมัยก่อนว่าประสบพอเจออะไรมากบ้าง ค่อยคิดต่อยอดสรรสร้างมาได้เรื่อย จนกลายเป็นบทสรุปอยู่บนมือของผู้ใช้ในปัจจุบัน Galaxy Note Edge
[youtube]https://www.youtube.com/watch?v=VtwJpXWdXtA[/youtube]
ข้อดี
– แปลกแบบใหม่กับลูกเล่นบนขอบโค้ง เทไหลจนตกขอบจอ
– ย้ายการแจ้งเตือนต่างๆ ไปไว้ตรงขอบให้หมดขจัดปัญหาการรบกวนเวลาทำงาน ดูหนัง หรือพิมพ์พูดคุย
– มีลูกเล่นใหม่ๆ ใส่มาเพียบ โดยเฉพาะมีไม้บรรทัดอันละเกือบสามหมื่นมาให้ด้วย
– เมนู Shortcut ต่างๆ สามารถสร้างมาให้เป็น Folder แล้วจำ App ต่างๆที่เราเล่นบ่อยๆ ลงไปได้เลย
– ใส่รูปภาพหรือข้อความใดๆ ก็ได้เป็นเครื่องเตือนใจเราบอกสิ่งที่จะทำได้
ข้อเสนอแนะ : บางทีที่เราจับมือถือแล้วมืออีกด้านนึงไปโดนขอบจอโค้งโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ก็จะทำให้เข้าสู่โหมดนั้นที่เราไปโดนได้อย่างงงๆ น่าจะเสริมปุ่ม Lock Edge Screen อีกตัวเข้าไปเพื่อป้องกันสิ่งนี้ที่อาจเกิดขึ้นได้
รูปภาพถ่ายบางส่วนจาก Note Edge และภาพเปรียบทียบกับ Iphone และ Note 4
บทส่งท้าย : ดูไปว่ารุ่นต่อไปที่ทาง Samsung จะเปิดตัวนั้นต่อจาก Note Edge แล้วจะมีอะไรที่เป็น Edge Screen อีกไหม จะมาซะกี่ขอบก็ต้องลองดู เพราะคิดว่าน่าจะเป็นอะไรที่เวิกและตอบรับความทันสมัยยุคนี้และยุคหน้าอย่างแน่นอน แล้วทาง Dailygizmo.tv จะรีบนำมาเสนอและรีวิวให้อ่านอีกเช่นเคย ขอให้เล่นขอบแบบเทไหลนี้ให้ลื่นอย่างสนุกไปเลย
Via : SamsungThailand
ผู้เรียบเรียง : NuTty m00yAi , Ceemeagain