เคยคิดกันมั๊ยว่าถ้ารถยนต์พูดได้ มันจะสื่อสารกันด้วยภาษาอะไร ยังไง
แนวความคิดเรื่องรถพูดได้จะไม่ใช่เรื่องตลกอีกต่อไป แต่มันมีประโยชน์เป็นอย่างมากและสามารถช่วยลดอัตราคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้เป็นพันๆคนต่อปี เพราะระบบการเตือนการชนแบบใหม่นี้ใช้ทั้ง WIFI และ GPS ทำให้รถยนต์สามารถสื่อสารและรู้ตำแหน่งของรถคันอื่นได้ ระบบจึงสามารถเตือนได้ก่อนที่อุบัติเหตุจะเกิดขึ้น
สัญญาณไวไฟมีข้อดีกว่าสัญญาณเรดาร์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันหลายข้อ ประการแรกคือเรื่องราคา ไวไฟมีราคาถูกกว่ามากเพียงแค่มีคอมพิวเตอร์และมือถือใช้ในการส่งสัญญาณ ในขณะที่ระบบเดาร์มี่ราคาสูงถึง 30,000 บาท ประการที่สองไวไฟทำงานในบางสถานการณ์ที่เรดาร์ทำไม่ได้ เช่นเรดาห์ตรวจจับได้แต่สิ่งที่อยู่ด้านหน้า
ระบบนี้มีรัศมีการทำงานสูงสุดถึง 270 เมตรโดยใช้การปล่อยสัญญาณไวไฟแบบพิเศษ 10 ครั้งทุกๆวินาทีเพื่อแจ้งตำแหน่งปัจจุบันของรถให้กับรถคันอื่นรอบๆ ในกรณีที่รถอยู่ในตำแหน่งใกล้กันเกินไปจนอาจเกิดการเฉี่ยวชน ระบบจะกระพริบไฟสีแดงและเสียงบี๊บเตือนผู้ขับ ระบบนี้มีประโยชน์ทั้งในสภาพอากาศปกติ และสภาพวิศัยทัศน์ผิดปกติ อย่างเช่น ฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัดที่ทำให้การมองเห็นแย่ตามไปด้วย ซึ่งระบบจะช่วยเตือนล่วงหน้าทำให้อัตราการเกิดอุบัติเหตุลดลง
จากการรายงานของ The National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) พบว่าสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการบันทึกของระบบสื่อสารระหว่างรถเกือบ 80 % ไม่ได้เกิดจากเมาแล้วขับ แต่เกิดจากความประมาท ดังนั้นถ้าระบบนี้มีการใช้งานอย่างแพร่หลายแล้วจะช่วยลดอัตราการตายจากรถชนได้ถึงหมืนคนต่อปี และรัฐบาลสหรัฐจะผลักดันให้รถทุกคันติดตั้งเทคโนโลยีนี้ภายในปี 2013
สุดท้ายนี้ซีก็ขอให้ทุกคนเที่ยวสงกรานต์กันอย่างสนุก แต่ต้องมีสติอย่าขับรถประมาทนะคะ
VIA allcartech
[youtube=http://www.youtube.com/watch?v=oMPKxU-_5e0]