จากการสำรวจล่าสุดพบว่าคน 2 ใน 10 คน ยอมรับว่าพิมพ์ข้อความบนมือถือขณะขับรถ ซึ่งมากขึ้นจากปีที่แล้วถึง 50 % จึงเป็นเหตุให้หลายๆรัฐในอเมริกาจึงต้องหามาตรการเพื่อแบนพฤติกรรมเหล่านี้โดยเฉพาะในกลุ่มหนุ่มสาว
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทุกอย่างที่อยู่ในรถสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของคุณไปจากการมองถนนได้ ซึ่งความประมาทเพียงนิดเดียวอาจจะนำไปสู่อุบัติเหตุที่ร้ายแรงได้ไม่เฉพาะกับตัวเอง ยังรวมถึงคนอื่นๆด้วย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายๆรัฐในอเมริกาแบบการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถถ้าไม่ใช้แฮนด์ฟรี แต่กฎหมายนี้มันก็มีผลข้างเคียง คือคนเลยเลี่่ยงหันไปใช้วิธีการส่งข้อความหากันแทนในขณะขับรถ ซึ่งนั่นอาจจะอันตรายกว่ากว่าขับรถไปด้วยคุยมือถือไปด้วยซะอีก
ล่าสุด The National Highway Traffic Safety Administration ได้นำผลสำรวจประจำปีพฤติกรรมผู้ใช้รถโดยเลือกเฉพาะข้อมูลที่สำคัญมาแสดง ไฮไลท์อยู่ที่การสังเกตุพฤติกรรมการใช้มือถือ ณ สัญญาณไฟจราจรหรือสี่แยกที่เลือกไว้ ผลพบว่าคนใช้โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์พกพาที่เข้าอินเตอร์เน็ตได้ ในการพิมพ์ข้อความ, ค้าหาเส้นทาง, เช็คอีเมลล์, ท่องอินเตอร์เน็ตและเล่นเกมขณะที่จอดรถรอสัญญาณที่สี่แยก นอกจากนี้ยังพบว่ามีคนจำนวนเกือบ 1% ที่ขับรถไปด้วยพิมพ์ข้อความไปด้วยเมื่อขับผ่านจุดที่เฝ้าสังเกต ซึ่งตัวเลขนี้เพิ่มขึ้น 0.9 % เมื่อเทียบกับปี 2010
ในการสำรวจทางโทรศัพท์ที่แยกวิจัยไปต่างหากทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 6,000 คนพบว่า 18 % ของกลุ่มตัวอย่างบอกว่าพวกเค้าส่งข้อความหรืออีเมลล์ขณะขับรถ ซึ่งตัวเลขนี้เท่ากับครึ่งนึงของกลุ่มตัวอย่างอายุ 21 – 24 ปีเลย นอกจากนี้ผลวิจัยยังพบว่าคนส่วนใหญ่มักจะรับโทรศัพท์ขณะขับรถ และจะคุยไปด้วยขับรถไปด้วย
การเพิ่มขึ้นของคนที่พิมพ์ข้อความขณะขับรถทำให้หลายๆรัฐเริ่มหามาตรการมาแบนพฤติกรรมเหล่านี้ เพราะการเขียนข้อความรณรงค์อย่างเดียวไม่ช่วยให้เปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ได้ เดือนที่ผ่านมารัฐเพนซิลวาเนียก็ออกกฎห้ามพิมพ์ข้อความขณะขับรถออกมาเป็นรัฐที่ 35 แล้วค่ะ
VIA newsobserver