แม้แต่องค์กรไฮเทคอย่าง NASA ก็หนีไม่พ้นการโดนแฮค ในรายงานที่ส่งไปยังสภายอมรับว่าปีที่ผ่านมา พวกเค้ายอมรับว่าโดนแฮคไปถึง 13 ครั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการแฮคจากจีน ที่เจาะเข้าไปควบคุม mission critical system ได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงเข้าถึง account ต่างๆของเจ้าหน้าที่
ประเด็นเหล่านี้ได้ถูกนำเข้าสู่สภาเพื่อใช้ในการพิจารณาผ่านร่างกฎหมาย cyber-security 2 ฉบับเพื่อเพิ่มการป้องกันและรักษาความปลอดภัยให้กับหน่วยงานของรัฐจากผู้คุกคามในโลกไซเบอร์
Paul Martin ผู้ตรวจสอบทั่วไปของ NASA กล่าวว่า “ระบบบางส่วนของ NASA ได้เก็บข้อมูลที่มีความอ่อนไหวมาก ถ้าข้อมูลเหล่านั้นสูญหายหรือถูกโจรกรรมขึ้นมาก็จะส่งผลเสียต่อด้านการเงินอย่างมากมายมหาศาล, ส่งผลต่อความมั่นคงของชาติ หรือทำให้ความได้เปรียบทางด้านเทคโนโลยีเสียหาย”
NASA ได้รับงบประมาณด้านไอทีประจำปีจำนวน 1,500 ล้านเหรียญ แต่กลับใช้งบแค่ 58 ล้านเหรียญในการป้องกันภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์เท่านั้น การเจาะระบบเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาจากประเทศจีน ทำให้แฮคเกอร์เจาะเข้าไปยัง Jet Propulsion Laboratory และทำการควบคุมระบบได้อย่างสมบูรณ์ นั่นทำให้ผู้บุกรุกสามารถเปลี่ยนแปลง, คัดลอก หรือลบไฟล์ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน, บัญชีผู้ใช้งานหรือหนังสือรับรอง เป็นต้น
ส่วนการเจาะระบบครั้งอื่นๆ ก็มีการโจรกรรมหนังสือรับรองพนักงานกว่า 150 คน รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดจากแล็ปท็อปที่ถูก unencrypted โดนขโมยไป ซึ่งแล็ปท็อปเครื่องนี้บรรจุอัลกอริทึ่มที่ใช้สั่งงานและควบคุมสถานีอวกาศนานาชาติ, ข้อมูลสำคัญของโปรแกรม Constellation and Orion รวมถึง Social Security number ด้วย
VIA slashgear