ช่วงปลายปีเป็นเวลาที่หลายคนมักจะจับจ่ายซื้อของผ่านออนไลน์เพื่อให้เป็นของขวัญ แต่ก็ต้องระวังให้ดีเพราะเป็นช่วงที่แฮคเกอร์ลงมือขโมยข้อมูลด้วยเช่นกัน
ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการนำข้อมูลบัตรเครดิตนับล้านใบนำไปขายในตลาดมืด ส่งผลให้บางธนาคารจำเป็นต้องระงับธุรกรรมทางการเงินของบัญชีที่อาจจะตกเป็นเหยื่อ ส่วนทาง Target ก็ยอมรับว่ามีลูกค้าราวๆ 40 ล้านคนที่อาจได้รับผลกระทบในการขโมยข้อมูลบัตรเครดิตและบัตรเดบิตระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายนถึงวันที่ 15 ธันวาคม
ข้อมูลบางส่วนได้ถูกนำไปโพสต์ขายบนอินเตอร์เน็ต บางธนาคารเจ้าของบัตรก็ยังไม่รู้ถึงเรื่องนี้ ส่วนบางแห่งก็ยังลังเลว่าจะยกเลิกบัตรรึไม่เพราะใกล้ช่วงเทศกาลที่คนจับจ่ายใช้สอยมากกว่าปกติ บางธนาคารแก้ปัยหาด้วยการซื้อข้อมูลลูกค้ากลับมาจากตลาดมืด “card shops” ออนไลน์เพื่อตรวจสอบว่ามีลูกค้าของตนเองถูกขโมยข้อมูลรึไม่
ในความเป็นจริงหลายๆธนาคารควรจะเริ่มตื่นตัวเมื่อรู้ว่า “card shop” ได้แจ้งเตือนให้ลูกค้าในตลาดมืดทราบว่ามีข้อมูลบัตรใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกหลายล้านใบ อย่างไรก็ตามการแจ้งเตือนนี้ไม่เพียงต้องมาจากธนาคารและผู้ออกบัตรเท่านั้น ทางหน่วยงานด้านกฎหมายหรือสมาคมธาคารก็ต้องออกมาตรวจสอบและแจ้งเตือนด้วยเพื่อลดจำนวนผู้ได้ผลกระทบให้น้อยที่สุด
ปัญหา ณ ตอนนี้ก็คือ ทางธนาคารต้องตัดสินใจระหว่างยกเลิกบัตรเครดิตที่ต้องสงสัยว่าถูกแฮคข้อมูล ในช่วงเวลาปลายปีที่คนใช้เงินจับจ่ายกันมากกว่าช่วงเวลาปกติ แต่คนที่ใช้บัตรเดบิตที่เป็น ATM ในตัวก็จะไม่สามารถถอนเงินได้ และอาจมีเงินสดไม่พอสำหรับช่วงปลายปีที่ธนาคารหลายแห่งหยุดทำการ
ส่วนคนไทยอย่างเราๆอย่ามองว่าเรื่องนี้ไกลตัวเกิดที่อเมริกา แต่ภัยไซเบอร์นั้นเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาค่ะ เพราะฉะนั้นเวลาที่คุณจะซื้อของออนไลน์ไม่ว่าจะเว็บไทยหรือต่างประเทศก็ต้องตรวจสอบให้ดีก่อนว่าเว็บนั้นไม่ใช่เว็บ Phishing หรือเว็บปลอมทำเหมือนเพื่อดักขโมยข้อมูลซึ่งมีหลายรูปแบบมากทั้งแบบที่เป็นร้านค้า ธนาคาร หรือเว็บจ่ายเงิน, ก่อนที่จะใส่ข้อมูลบัตรเครดิตก็สังเกตที่ช่อง URL ว่ามีการเข้ารหัสความปลอดภัยแบบ https รึเปล่า ข้อสุดท้ายคืออัพเดทโปรแกรมแอนตี้ไวรัส หมั่นสแกนไวรัสและมัลแวร์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณอยู่เสมอๆ เพราะพวกนี้ก็แอบโจรกรรมข้อมูลส่วนตัวคุณได้โดยไม่รู้ตัว
VIA slashgear