หลังจากที่ไมโครซอฟท์ควบรวมกิจการฝ่ายผลิตอุปกรณ์ของ Nokia ได้สำเร็จ พร้อมมีข่าวแว่วๆว่าอาจจะเปลี่ยนชื่อเป็น Microsoft Mobile แทน ถือเป็นการปิดฉากแบรนด์ Nokia ที่ถือว่าทรงอิทธิพลต่อวงการมือถือทุกวันนี้ และนี้คือสิ่งที่โนเกียวางรากฐานไว้

Repairability

มือถือที่ทุกคนต้องมี

หากย้อนเวลากลับไปในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ใครที่ใช้มือถือก็มักจะมีแบรนด์โนเกียเป็นตัวเลือกในอัดับต้นๆ โดยเฉพาะช่วงรอยต่อปี 2000 ที่เป็นช่วงเวลาเปิดตัวโนเกีย 5110 มือถือที่จับถนัดมือ มาพร้อมหน้ากากหลากสีสันที่เลือกเปลี่ยนได้ตามใจชอบ ซึ่งอิทธิพลของ 5110 ก็ยังส่งต่อมายัง Lumia ทำให้เรามีสมาร์ทโฟนหลากสีสันใช้ ไม่จำกัดแค่สีโมโนโทนอย่างขาวเทาดำหรือสีเงินอีกต่อไป

download

ส่วนมือถือรุ่นอื่นๆที่มีความโดดเด่นไม่แพ้กันก็คือ 8210, 3210 และ 3310 ที่ครองใจใครหลายคนจนทุกวันนี้ แต่ละรุ่นที่กล่าวมานี้มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ที่เครื่องเล็กลง ราคาถูกลง ฟีเจอร์ใหม่ๆที่เพิ่มเข้ามาแต่ยังคงความง่ายในการใช้งาน ที่สำคัญยังทำงานได้ดีและอึดอีกค่ะ ทำตกพื้นเครื่อวกระจาย เก็บมาประกอบใหม่ใช้งานได้เหมือนเดิมจึงครองใจผู้ใช้ทั่วโลกได้จนถึงทุกวันนี้  นอกจากนั้นในปี 2003 โนเกียได้ออก 1100 ซึ่งถือว่าเป็นมือถือที่ขายดีที่สุดในวงการมือถือเลยค่ะ (ตอนนี้ซีเชื่อว่าหลายคนก็ยังใช้เป็นเครื่องสำรองอยู่)

download (1)

กล้าออกแบบอะไรใหม่ๆ
ในช่วงเริ่มต้นของโนเกีย การออกแบบเครื่องเป็นอะไรที่ซ้ำๆเดิมๆ แต่หลังจากนั้นไม่นานทางโนเกียก้ได้แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ มือถือไม่จำเป็นต้องเป็นแท่งสี่เหลี่ยมทุกรุ่น ด้วยมือถือที่แหวกแนว เริ่มต้นจาก 8110 ที่เปิดตัวในปี 1998 ซึ่งหลายคนเรียกติดปากว่ารุ่นกล้วยหอม รุ่นนี้เป็นแบบสไลด์ฝาหน้า โดยมีจุดเด่นที่ตัวเครื่องมีความโค้งรับกับใบหน้า นี่น่าจะเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้กับมือถือจอโค้งสมัยนี้อย่าง LG Gflex หรือ Samsung Galaxy Round นอกจากนั้นมันยังได้ไปโผล่ในหนังสุดฮิตอย่าง “The Matrix” ทางโนเกียเองก็ออกมือถือแบบสไลด์ฝาหน้าตามมาอีกหลายรุ่น เช่น 8800 และ 7650 ที่ต้องสไลด์เพื่อใช้งานกล้องหลัง นอกจากนี้ก็ยังมีไลน์มือถือที่ออกแบบมาเจาะกลุ่มแฟชั่น เน้นลวดลายสวยงาม เริ่มตั้งแต่ 7390 และมือถือแบบแหวกแนว ต้องหมุนจอถึงจะเจอปุ่ม 7370 และ 7705

old_11027

 

โนเกียไม่กลัวการออกนอกกรอบ แม้ว่าบางรุ่นจะไม่ได้เสียงตอบรับเท่าที่ควรก็ตาม เค้าก็ยังกล้าที่จะลองอะไรใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น 3250 ที่บิดตัวเครื่องสำหรับถ่ายภาพได้ถนัดขึ้น , 3650 รุ่นที่มาพร้อมกับแป้นวงกลม , 7600 ที่หน้าตาเหมือนหยดน้ำ,  6820 ที่หมุนเครื่องแล้วจะได้แป้นพิมพ์แบบ QWERTY หรือ 7280 และ 7380 ที่ออกแบบมาเป็ยแท่งลิปสติกที่โทรออกได้เน้นกลุ่มสาวๆที่ชอบแฟชั่น แต่สุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จเพราะดีไซน์มาแหวกแนวเกิน

Work and play

มือถือโนเกียมักจะมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆที่สมาร์ทดฟนสมัยนี้มี ไม่ว่าจะเป็น 3310 ที่สามารถสั่งโทรออกด้วยเสียง, 7110 มือถือรุ่นแรกที่มาพร้อม WAP browser, 5510 ที่เน้นการฟังเพลง, 6310 ที่แนะนำให้เรารู้จักกับบลูทูธ และ 7650 กล้องที่เน้นการถ่ายรูปเครื่องแรกของโนเกีย สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ามือถือทำอะไรได้มากกว่าที่เคยเป็น

download (2)

Nokia ถือว่ามีอิทธิพลต่อการพัฒนามือถือให้ก้าวหน้าในฐานะอุปกรณ์เล่นเกม สมัยนึงเค้าทำให้คนติดเกมงูกันทั่วบ้านทั่วเมือง แม้เกมนี้จะถูกพัฒนามาตั้งแต่สมัยเกมตู้ยุค 70s แต่ความนิยมก็จางหายไปตามกาลเวลา โนเกียตัดสินใจนำเกมนี้กลับมาปัดฝุ่นใหม่ลงมือถือโดยมี 6110 ที่วางขายเมื่อปี 1997 เป็นรุ่นแรก ต่อจากนั้นก็ค่อยๆพัฒนาเกมบนมือถือให้ดีขึ้นทั้งความละเอียดและเปลี่ยนเป็นจอสี รวมถึงเปิดตัว N-Gage ที่เจาะกุ่มคนเล่นเกมโดยเฉพาะแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรเพราะค่ายเกมสนใจทำเกมออกมาน้อย

อีกอย่างที่เป็นสัญลักษณ์ของโนเกียก็คือเสียงริงโทนที่ใครได้ยินก็จำได้ ยุคแรกจะเป็นแบบโมโนโทน ยุคถัดมาก็เป็นเสียงริงโทนแบบ polyphonic เพิ่มเสียงเครื่องดนตรีหลายๆชิ้นเข้าโดยมี 2110 เป็นรุ่นแรก สมัยนั้นใครไม่อยากเสียเงินโหลดริงโทนก็หาคีย์มากดแต่งเพลงเองก้ได้

n958gb-review12

มือถือที่ฉลาดขึ้น
ฟีเจอร์โฟนหรือมือถือพื้นฐานถือว่าเป็นรายได้หลักของโนเกียตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ในส่วนของมือถือรุ่นใหม่ๆนั้นก็พัฒนาความสามารถ เรียกได้ว่าว่าน้องๆสมาร์ทโฟนเลยทีเดียว เพราะเค้าถือเป็นผู้ผลิตมือถือรายแรกที่ไปจับมือกับ Symbian มาลงในมือถือ ทำให้มีประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น มากกว่าการโทรและรับส่ง SMS ซึ่งโนเกียได้เปิดตัวสมาร์ทดฟนที่ออกแบบมาอย่างดีในรุ่น E-series และ N-series ซึ่งรุ่นที่เรียกว่าประสบความสำเร็จมากที่สุดก็คือ Nokia N95 ที่เอาไว้ดูหนัง ฟังเพลงได้สบายๆ

แต่หลังจากที่แอปเปิ้ลเปิดตัวไอดฟนรุ่นแรกให้โลกได้รู้จัก วงการมือถือก้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป หลังจากนั้นไม่นานกูเกิลก็กระโจนมาร่วมวงด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ แต่โนเกียและ Symbian ถือว่าปรับตัวได้ช้า ไม่ทันกระแสโลกที่เปลี่ยนไปจึงทำให้เปลี่ยนสถานะจากผู้นำกลายเป็นผู้ตามทั้งเรื่องยอดขายและเทคโนโลยี จนมาได้จับมือกับไมโครซอฟท์พัฒนา Windows Phone ถึงฟื้นตัวขึ้นมาได้ด้วยสมาร์ทโฟนตระกูล LUMIA แต่ก็ช้าไปเพราะคู่แข่งครองตลาดส่วนใหญ่ไปได้แล้ว

VIA CNET