น่าจะมีหลายๆคนในวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาของวันที่ 20 , 21 กันยายน2557 ที่พยายามเสาะแสวงหาความเป็นเจ้าของ iphone 6 , iphone 6 plus กันบ้างอย่างแน่นอนทั้งให้คนรู้จักหิ้วมาให้หรือแม้กระทั้งลงทุนบินไปซื้อถึงในกลุ่มประเทศแรกที่
Appleประกาศวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 19 กันยายน 2557 ที่ผ่านมานั้นเอง วันนี้เราลองมาดูกันดีกว่าว่าทั้ง Iphone 6 , Iphone 6 Plus นั้นจะแฝงไปอะไรที่ใหม่ๆ จนทำให้สาวกทั้งหลายนั้นร้องกรี้ดกันได้ดีกว่า
มาเริ่มกันตัวแรก Iphone 6 สเปคเป็นแบบไหนลองมาดูกัน
– หน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว แบบ Retina HD Display ให้ความคมชัดระดับ 1334×750 พิคเซล (336PPI)
– CPU 1.2 GHz Ram 1 G.
– ชิพประมวลมาใหม่ทั้งเครื่องแบบ A8 แบบ 64 Bit และM8 MotionCoprocessor ที่เอาไว้ตรวจจับการเคลื่อนไหวทุกรูปแบบ
– ขนาดตัวเครื่องหนาเพียง 138.1x67x6.9 มิลลิเมตร และหนักเพียง 129 กรัมเท่านั้น
– รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือ Touch ID
– ระบบปฏิบัติการ IOS 8
– รองรับการใช้งาน NFC
– กล้องหน้ามีขนาด 8 ล้านพิคเซล (เท่ากับของเดิม) และกล้องหน้า 1.2 ล้านพิคเซล ทั้งสองมีรูรับแสงสูงสุดที่ F2.2
– ไฟแฟลชนั้นยังคงรูปแบบเดิมคือ True Tone Flash
– Battery 1,810 Mah.
ต่อมาคือ Iphone 6 Plus ซึ่งสเปคนั้นจะเท่ากับ Iphone6 จะแตกต่างกันก็แค่ขนาดหน้าจอและความคมชัดเท่านั้น
– หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว แบบ Retina HD Display มีความคมชัดระดับ Full HD 1920 x 1080 พิกเซล (401ppi)
– CPU 1.39 GHz. Ram 1 G.
– ชิพประมวลมาใหม่ทั้งเครื่องแบบ A8 แบบ 64 Bit และM8 MotionCoprocessor ที่เอาไว้ตรวจจับการเคลื่อนไหวทุกรูปแบบ
– ขนาดตัวเครื่องหนาเพียง 158.1×77.8×7.1 มิลลิเมตร และหนักเพียง 172 กรัมเท่านั้น
– รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือ Touch ID
– ระบบปฏิบัติการ IOS 8
– รองรับการใช้งาน NFC
– กล้องหน้ามีขนาด 8 ล้านพิคเซล (เท่ากับของเดิม) และกล้องหน้า 1.2 ล้านพิคเซล ทั้งสองมีรูรับแสงสูงสุดที่ F2.2
– ไฟแฟลชนั้นยังคงรูปแบบเดิมคือ True Tone Flash
– Battery 2,915 Mah.
ซึ่งจะสังเกตุได้ว่าทั้ง Iphone 6 และ Iphone 6 Plus นั้นมาด้วยหน้าจอแบบใหม่ที่ให้ค่าความคมชัดมากกว่ารุ่นเก่าๆ มากด้วยหน้าจอแบบ Retina HD Display ให้ทั้งความคมชัดและค่ารายละเอียดบนจอภาพเสมือนจริงอิงธรรมชาติมากที่สุด ทั้ง 2 เครื่องจะมีสัดส่วนของความคอนทราสต์ของหน้าจออยุ่ที่ Iphone 6 – 1400:1 ส่วน Iphone 6 Plus – 1300:1
และรูปทรงกับขนาดนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปมากเช่นกันของทั้ง 2 เครื่อง โดยความหนาของ Iphone 6 นั้นถูกบีบให้เหลือแค่ 6.9 มิลลิเมตร ส่วน Iphone 6 Plus หนาขึ้นมาหน่อยเดียวแค่ 7.1 มิลลิเมตร ดีไซน์เปลี่ยนจากเหลี่ยมๆ ตรงมุมให้ดูสวยงามด้วยการเพิ่มความโค้งมนเข้ามาแทนทั้ง 4 ด้าน จึงทำให้ทั้ง 2 รุ่นเป็น Iphone ที่บางที่สุดตั้งแต่ Apple เดินสายการผลิตมา
แบตเตอรี่ของทั้ง 2 รุ่นแตกต่างกันตามขนาดของตัวเครื่องIphone 6 มากับแบตเตอรี่ขนาด 1,810 Mah. สามารถเล่นเน็ตผ่าน 3G ได้นาน 10 ชั่วโมง , Wi-Fi นาน 11 ชั่วโมง , เล่นวิดีโอต่อเนื่องนาน 11 ชั่วโมง และสแตนด์บายได้ 10 วัน
Iphone 6 Plus มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างใหญ่ถึง 2,915 Mah. สามารถเล่นเน็ตผ่าน 3G ได้นาน 12 ชั่วโมง, Wi-Fi นาน 12 ชั่วโมง, เล่นวิดีโอต่อเนื่องนาน 14 ชั่วโมง และสแตนด์บายได้ 16 วัน
คราวนี้ลองมาดูว่ามีอะไรเพิ่มมาอีกใน Iphone 6 , 6 Plus
1. Camera — Apple ตัดสินใจไม่เพิ่มขนาดกล้องให้เยอะขึ้นเทียบเท่ากับค่ายอื่นยังคงใช้ขนาดเท่าเดิมอยู่ที่ 8 ล้านพิคเซล แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือเทคโนโลยี Focus Pixel หรือระบบโฟกัสอัตโนมัติของไอโฟนทำงานได้ดีกว่าเดิม จุดนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ทดสอบอย่างถล่มทลาย เพราะทำให้ผู้ใช้สามารถโฟกัสภาพได้แม่นยำและต่อเนื่องชนิดไม่ต้องเสียเวลาแตะหน้าจอเพื่อโฟกัสอย่างที่เคยเป็น อีกอย่างคือได้ใส่ระบบ OIS ( Optical Image Stabilizer) หรือกันสั่นนั้นเองแต่ระบบนี้จะมีแต่ใน Iphone 6 Plus เท่านั้น ส่วน Iphone 6 จะใช้แค่ตัวซอฟต์แวร์เป็นตัวช่วย สุดท้ายอีก 1 จุดที่อยากนำเสนอคือ Panorama Mode ที่ก่อนหน้านี้ใน Iphone 5s ถ่ายพาโนรามาได้ในระดับ 28 ล้านพิคเซล แต่ใน Iphone ใหม่ทั้ง 2 รุ่นถูกพัฒนาให้มีระดับพิคเซลสูงถึง 43 ล้านพิคเซล แม้จะมีระดับเซนเซอร์ที่เท่าเดิม แต่ให้ความสดและความใสมากขึ้นกว่าแต่เดิมมาก
2. Land Scape Mode — ผู้ใช้ที่เคยเล่น Ipad น่าจะชินตากับระบบนี้ดี Apple เลยจับลูกเล่นนี้ใส่เข้ามาใน Iphone 6 Plus เท่านั้น ส่วน Iphone 6 ไม่มีระบบนี้ (ทำไมอะไม่เข้าใจ) แต่คิดว่าน่าจะเป็นเพราะขนาดของหน้าจอ เนื่อจาก 6 Plus มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า การมองในระนาบแนวนอนจากตัวเครื่องน่าจะให้ความสมดุลที่ดูดีกว่า
3. NFC (Near Field Communication) หรือเทคโนโลยีการแตะส่งผ่านข้อมูลกัน ซึ่งและแล้ว Apple ก็นำเทคโนโลยตัวนี้มาใส่เสียทีหลังจากปล่อยให้เจ้าอื่นๆ เล่นกันจนเบื่อแถมจะไม่ใส่กันแล้ว แถมระบบนี้ยังมาใช้พร้อมกับระบบ Apple Pay ออกแบบมาช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินในบรรดาร้านค้าปลีกสะดวกซื้อต่างๆ ได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นพร้อมกับคู่ค้าหลายสิบรายกว่าสองแสนสาขาในสหรัฐที่พร้อมเดินหน้าสนับสนุนโครงการใหม่ล่าสุดจาก Apple ซึ่งมีข่าวออกมาว่าใช้แค่ผ่านทางธุรกรรมเท่านั้นเอง หากคิดว่าจะมาแตะ NFC ข้ามค่ายจาก Apple ไปค่ายอื่นละก็ คิดใหม่ดีกว่า !!
4. ความจุที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดทั้ง 2 รุ่น Apple ตัดความจุขนาด 32 GB. ออกไปแต่เพิ่มความจุ 2 ขนาดมโหฬารเข้าไปแทนที่คือ 64 , 128 และอีก 1 ความจุคือ 16 GB. ซึ่งถามว่าทำไมทาง Apple ถึงตัด 32 ออกไปก็สรุปได้ว่าก็คงไม่หนีเรื่องการตลาด เพราะผู้ซื้อคิดว่า 16 สมัยนี้น้อยไปละยังไงก็เพิ่มไป 64 เลยดีกว่าไม่ก็ไปโน้นเลย 128 แต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้บริโภคว่าจะเลือกแบบไหนที่เข้ากับตัวเองมากที่สุด
5. ระบบ Heart Beat – Health App และแล้ว Apple ก็ตามเทรนสุขภาพเหมือนชาวบ้านเสียที ภายในตัวเครื่อง Iphone 6 , 6 Plus มีแอพพลิเคชั่นที่ทำงานเสมือนเครื่องติดตามตรวจวัดสุขภาพและการออกกำลังกาย ซึ่ง App ตัวนี้จะทำงานบนระบบใหม่ IOS 8 สามารถโชว์หน่วยวัดต่างๆ เป็นแบบ Widget ใน Notification ที่เชื่อมต่อการสื่อสารไปยัง Iphone และที่สำคัญระบบนี้จะสอดคล้องใช้คู่กับตัว Apple Watch ที่จะวางในต้นปี 2558 ด้วย
6. การคง Concept One Hand Operation หรือ การทำงานมือเดียว แบบฉบับของ Apple ก็ยังคงอยู่แต่มาพร้อมกับความสามารถที่ใส่มาใหม่คือ Reachability คือระบบที่เวลาเราแตะปุ่ม Home 2 ครั้ง ติดต่อกัน Icon ด้านบนจะหดลงมาอยู่ใกล้ๆ กับนิ้วโป้งของผู้ใช้ทำให้การใช้งานมีความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
7. ราคาที่พุ่งโจนทะยานทะลุชาร์จแพงยิ่งกว่าทองคำอีก ล่าสุดราคาเครื่องหิ้วจากห้าง MBK อัพเดทล่าสุดเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2557
ราคา iPhone 6 หน้าจอ 4.7 นิ้ว ราคา iPhone 6 Plus หน้าจอ 5.5 นิ้ว
iPhone 6 ความจุ 16 GB ราคาประมาณ 40,000 – 45,000 บาท iPhone 6 Plus ความจุ 16 GB ราคาประมาณ 64,000 – 67,000 บาท
iPhone 6 ความจุ 64 GB ราคาประมาณ 45,000 – 50,000 บาท iPhone 6 Plus ความจุ 64 GB ราคาประมาณ 66,000 – 71,000 บาท
iPhone 6 ความจุ 128 GB ราคาประมาณ 48,000 – 55,000 บาท iPhone 6 Plus ความจุ 128 GB ราคาประมาณ 71,000 – 79,000 บาท
หมายเหตุ – ราคานี้เป็นราคาของเครื่องสีเทาซึ่งจะเป็นสีที่ถูกที่สุด หากเป็นสีทองอาจมีส่วนต่างเพิ่มอีกประมาณ 1500-2500 อันนี้แล้วแต่ทางเจ้าของร้านจะนำเสนอในการขาย –
หลุดมาแล้วกับภาพถ่ายของ Iphone 6 , 6 Plus
Iphone 6
Iphone 6 Plus
Panorama 6 Plus แบบใช้ระบบ OIS
ต้องบอกเลยว่าดูจากภาพแล้วกล้องจาก Iphone 6 Plus ดูจะเหนือกว่า Iphone 6 อยู่พอประมาณเพราะว่าใส่ตัว OIS ( Optical Image Stabilizer) หรือระบบกันสั่นเข้าไปแค่นี้ความต่างในความเหมือนก็ลงตัวอย่างเห็นได้ชัด
บทส่งท้าย – ก็น่าจะพอทราบถึงรายละเอียดและจุดต่างๆกันพอควรจากบทความในข้างต้น ถึงความแตกต่างระหว่าง 2 รุ่นและสิ่งที่เพิ่มเข้ามาใหม่ แต่จุดที่ห่วงที่สุดคือราคานั้นเองที่ตอนนี้ปั่นไปเหยีบบระดับกันเป็นหลักแสนก็มีกับเครื่องหิ้ว เพราะเนื่องจากประเทศไทยไม่ได้จัดให้อยู่ในกลุ่มที่ทาง Apple ประกาศวางจำหน่ายและไม่รู้กำหนดระยะเวลาในการวางขายจึงยากสำหรับผู้ใช้และสาวกที่ต่างต้องการครอบครองเป็นเจ้าของกันอย่างตั้งหน้าตั้งตารอ คือยังไงก็คิดว่ารอแล้วกันสุดท้ายทาง istudio หรือตัวแทนจำหน่ายในประเทศก็ต้องนำเข้ามาขายอยู่ดี กระแสตอบรับขนาดนี้ยังไงก็ต้องโดน สุดท้ายนี้ก็ขอให้เลือกสิ่งที่คิดว่าพอดีและดีพอสำหรับตัวเราเองแล้วกันครับ
[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=UB4FoGqGOuo[/youtube]Via : Apple.com/th , phonearena , gsmarena , maxphone , Ifixit , Manageronline , Specphone , youtube , google และภาพถ่ายจากกล้องทั้ง 2 รุ่น Iphone 6 , 6 Plus โดยภาพเหล่านี้เป็นผลงานของ Austin Mann ช่างภาพมืออาชีพ ที่ร่วมงานกับทาง The Verge ซึ่งเขาได้นำไปทดสอบที่ Iceland
ผู้เรียบเรียง : NuTty m00yAi