ปีนี้มีบริษัทมากกว่า 3,500 รายที่ขนอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์มาโชว์ในงาน CES เราลองมาพรีวิวดูกันดีกว่าว่าจะเห็นเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆบ้าง

_80017128_fb5e0ce5-09ef-4220-8d5c-171fe9e19316

TV

จอที่ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่นถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่เรียกความสนใจในปีนี้ หลังจากที่ปีก่อนทีวีจอโค้งเริ่มมาบุกตลาด มาปีนี้ก็ย้อนกลับไปแข่งด้านการแสดงผลของภา

เริ่มจาก LG ที่เตรียมเปิดตัวเทคโนโลยี quantum dot tech เพิ่มลงในทีวี 4K ความละเอียดสูง เค้าใช้เม็ดคริสตัลขนาดเล็กซึ่งเล็กกว่าเส้นผมของมนุษย์ 50,000 เท่า ในการสร้างภาพบนจอ ซึ่งให้สีที่แม่นยำกว่าจอที่ชัดกว่าจอ LCD ทั่วไปถึง 30%  ก่อนหน้านี้ทาง Sony เองก็ใช้เทคโนโลยี quantum ในแบรนด์ Triluminos แล้ว แต่สิ่งที่ LG แตกต่างออกไปก็คือผลิตจอได้โดยไม่เกิดสารพิษ เรียกว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่านั่นเอง นอกจากนั้น LG ยังเตรียมใส่ระบบปฏิบัติการ webOS 2.0 ลงในสมาร์ททีวีซึ่งจะทำให้การใช้งานและโหลดแอปต่างๆเร็วขึ้นกว่าเดิม

_80015754_64994a19-c20c-45d2-8937-b54697d490e6

ทาง Samsung ก็เตรียมเปิดตัวทีวีที่สามารถเล่นเกม PlayStation 3 ได้ทันทีโดยไม่ต้องต่อเครื่องคอนโซล ซึ่งได้ไปจับมือกับบริการ PS Now streaming video game service ของโซนี่ ส่วนเรื่องระบบปฏิบัติการก็เตรียม Tizen แบบเดียวกับที่ใช้ในกล้องและนาฬิกาใส่ลงในทีวีรุ่นใหม่ๆ นี่ถือเป็นอีกช่องทางที่จะช่วยกระตุ้นให้นักพัฒนาแอปช่วยเขียนแอปให้มากขึ้น

นอกจากนั้น Sony, Sharp และ Philips อาจจะนำทีวีต้นแบบที่ใช้ Android 5.0 (Lollipop) มาโชว์ด้วย รวมถึงมีข่าวดีเรื่องคอนเท้นท์ 4K ซึ่งตอนนี้ Amazon และ Netflix ให้บริการดูหนังแบบ streaming แต่ก็มีจำนวนที่จำกัดอยู่ ข่าวดีก็คือเราจะได้เห็นเครื่องเล่น 4K Blu-ray ที่ให้คุณภาพที่ดีกว่าดูผ่านเน็ต

_80016367_7c2a0efc-4da0-43d7-8653-b1509b3570e4

Smartphones และ smartwatches

ย้อนกลับไป Sony ตระกูล Xperia เป็นเรือธงที่มักจะมาเปิดตัวที่นี่ที่แรก ซึ่งรุ่นใหม่นี้ก็จะมาพร้อมกับ Android Lollipop นอกจากนั้นยังมีข่าวลือว่าซัมซุงอาจจะมาขโมยซีนด้วยการเปิดตัว Galaxy S6 แต่อาจจะไม่ได้เปิดตัวเต็มรูปแบบ อาจจะยั่วน้ำลายก่อนให้ไปตามต่อในงาน MWC

ทางด้าน Xiaomi จากจีนนั้นก็มีข่าวลือเตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ในงานนี้ด้วย ถือเป็นการประกาศเต็มตัวเตรียมบุกตลาดอเมริกา ล่าสุดทางโฆษกของ Xiaomi ได้ออกมาปฏิเสธว่างานนี้เค้าไม่ได้เข้าร่วมงาน

อีกหนึ่งบริษัทที่น่าสนใจก็คือ Kodak ที่จะกลับมาอีกครั้งที่ไม่ใช่ตลาดกล้องถ่ายรูปแต่เป็นตลาดของสมาร์ทโฟน ปัจจุบันมีหลายๆบริษัทได้ขอใช้สิทธิบัตรด้านการถ่ายรูปของโกดักอยู่ จึงเป็ที่น่าสนใจว่าสมาร์ทโฟนเครื่องนี้จะมีความโดดเด่นด้านการถ่ายภาพอย่างไร รวมไปถึงการแชร์และอัดภาพถ่ายออกมาด้วย

_80015756_1aafb13b-ee9f-47e3-b7f3-75ef400475fd

ในส่วนของนาฬิกาอัจฉริยะนั้นก็มีหลายๆบริษัทมาเปิดตัวที่นี่ ชิงตัดหน้าแอปเปิ้ลที่ยังไม่วางขายจริง หนึ่งในรุ่นที่น่าสนใจก็คือ Goldkey เป็ยแบรนด์ที่คนไม่ค่อยรู้จัก แต่จุดเด่นของมันก็คือ สามารถใช้เป็นมือถือได้ทันทีโดยไม่ต้องโทรศัพท์อีกเครื่อง ตัวระบบปฏิบัติการเป็นแอนดรอยด์จึงลงแอปได้

ด้าน Intel ก็จะขึ้นกล่าว keynote ในวันอังคารซึ่งเราน่าจะเห็นอะไรเด่นๆ ซึ่งก่อนหน้านี้เค้าไปจับมือกับ Fossil เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว รวมถึงผู้ผลิตนาฬิกาสุดหรูจากสวิต Tag Heuer ด้วย

_80015759_aff32a8b-5535-4eea-835d-69734c31943f

ส่วนแนวโน้มการออกแบบนั้น นาฬิการุ่นใหม่ๆจะออกแบบให้มีความคลาสสิคมากขึ้น ให้ดูมีความไฮเทคน้อยลง เพื่อให้ใส่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ไม่เขอะเขิน ยกตัวอย่างเช่น Withings ที่สามารถตรวจจับการนอนหลับและออกกำลังกายที่เป็นเจ้าแรกๆ ที่เน้นดีไซน์แบบย้อนยุค

Wearables

เทคโนโลยีสวมใส่กับร่างกายเชื่อมต่อการทำงานกับมือถือกำลังบูมสูดๆ ในปีที่ผ่านมามีอุปกรณ์ประเภทนี้ขายไปแล้วมากกว่า 19 ล้านชิ้น เรียกว่าโตขึ้น 3 เท่าจากปี 2013 อุปกรณ์ส่วนใหญ่เน้นการตรวจจับการเคลื่อนไหว ในงาน CES เราก็จะเห็นอุปกรณ์ที่หลากหลายขึ้น

_80016373_94eeb821-068c-4060-9583-8150838b425f

เริ่มจาก GoBe ที่สามารถตรวจจับว่าคุณทางอาหารเข้าไปแล้วกี่แคลอรี่ ซึ่งชิ้นนี้ประสบความสำเร็จจากการะดมทุนในเว็บ Indiegogo ไปถึง tracker raised 1.1 ล้านดอลล่าร์ แม้ว่าหลายคนอาจจะสงสัยว่ามันจะวัดได้แม่นยำรึเปล่า งานนี้ต้องมาพิสูจน์กันค่ะ

นอกจากนั้นยังมีอุปกรณืหลายๆตัวที่ออกแบบให้ใช้เฉพาะทางสำหรับเก็บข้อมูลสำหรับผู้เชี่ยวชาญ ยกตัวอย่างเช่น ShotTracker สำหรับนักบาส ที่เก็บข้อมูลว่ายิงไปกี่ลูก ลงห่วงกี่ครั้งคิดออกมาเป็นเปอร์เซ็นให้เลย, Wahoo Fitness สายรัดหน้าอกที่นับจำนวนครั้งการวิดพื้น, การซิทอัพหรือการออกกำลังท่าอื่นๆ, Lechal จากอินเดียนำอุปกรณ์ที่เอาไว้ใส่ในรองเท้า เชื่อมต่อกับมือถือที่คอยบอกให้สั่น เอาไว้บอกทางหรือบอกประสิทธิภาพการออกกำลังกายได้,  สายรัดข้อมือที่ไม่มีจอแต่เอาไว้บอกการแจ้งเตือนในรูปแบบที่ต่างไป

_80016371_cdbb14d0-9908-4619-a79e-0f7fb8bb86d5

แนวโน้มของอุปกรณ์สวมใส่รุ่นใหม่ๆก็คืออกแบบให้คนอื่นไม่รู้ว่ากำลังใส่อยู่ เช่น Vorbeck สูทที่ฝังเซนเซอร์ต่างๆไว้ซึ่งทำงานได้แม้จะนำไปซัก, Cityzen Sciences ก็นำเสื้อยืดที่วัดอัตราการเต้นของหัวใจมาโชว์ ส่วนรายอื่นๆอย่าง BlueJewlz และ Viawear ก็นำอุปกรณ์สวมใส่ในรูปแบบของเครื่องประดับมาเจาะตลาดผู้ใช้ที่ไม่อยากให้ตัวเองดู Geek เกินไป

_80016809_a3e7b1cc-4064-4781-a5bd-88e0bce5930c

Drones and robots

มาปีนี้ Drones ก็จะมีพื้นที่จัดแสดงของตัวเอง ภายใต้ชื่อโซนว่า “unmanned systems” ไฮไลต์เด็ดๆก็จะมี Zano โดรนขนาดเล็กที่ขนาดเท่ากับฝ่ามือที่มาพร้มอกล้องวิดีโอบันทึกภาพระดับ HD,  Air Dog ที่มีจุดเด่นเอาไว้ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์ สามารถติดตามเจ้าของได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งกล้องที่ใช้ก็จะเป็น GoPro หนึ่งในผู้นำอย่าง Parrot ก็เตรียมนำเทคโนโลยีใหม่มาโชว์ ส่วนฟาก GoPro ที่มีข่าวลือว่าจะผลิตโดรนออกมาขายเองก็ยังไม่พร้อมที่จะเปิดตัวในงานนี้

ในส่วนของหุ่นยนต์ บริษัท Doog จากญี่ปุ่นก็จัดงานแถลงข่าวโปรโมทหุ่นดรอยด์ที่เอาไว้ติดตามลูกค้าในห้างสรรพสินค้า คอยอธิบายว่าสินค้าต่างๆดียังไง ด้าน Keecker ก็เตรียมโชว์หุ่นยนต์ที่มาพร้อมโปรเจคเตอร์สำหรับฉายหนังหลังจากระดมทุนใน Kickstarter ได้มากกว่า 250,000 ดอลลาร์

_80016813_ca36409c-9f41-40cd-92bc-882e785f71e5

Smart home

ปีนี้กระแสที่มาแรงก็คือ “internet of things” และ “smart home”ซึ่งจะมีข้าวของที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ออกมาขายมากขึ้น เมื่อต่อเน็ตได้มันก็จะฉลาดขึ้น เข้าถึงข้อมูลที่อยู่บนออนไลน์ ส่วนผู้ใช้เรียกดูหรือสั่งงานผ่านเน็ตได้เช่นกัน ช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้น ปีนี้เราจะเห็นอุปกรณืที่หลากหลายขึ้น เช่น Blossom ระบบฉีดน้ำในสวนที่จะเปิดปิดการทำงานตามการพยากรณ์อากาศ, SmartQSine เป็นถาดใส่อาหารช่วยให้คุณรู้ว่าอาหารที่วางไว้เหลือมากน้อยแค่ไหน ทางซัมซุงเองก็ชัดเจนมาตั้งแต่ปีก่อนว่าเน้นตลาดนี้ ซึ่งเครื่องใช้ที่ออกในปีนี้ก็จะเพิ่มลูกเล่นใหม่ๆลงไป ในส่วนของ HomeKit ของแอปเปิ้ลนั้น ก็จะมีอุปกรณ์ที่รองรับออกมาโชว์ตัวมากขึ้น

_80016811_023c92e2-5715-4510-8c63-5f3a784a47da

อุปกรณ์อย่าง Nest ของกูเกิลที่เอาไว้วัดอุณหภูมิและตรวจจับควันไฟก็จะเป็นคู่แข่งตัวยงของแอปเปิ้ล ผู้ผลิตเครื่องซักผ้าอย่าง Whirlpool ก็นำเครื่องที่เชื่อมต่อกับ Nest ส่วน Stack Lighting ผู้ผลิตหลอดไฟที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวก็เตรียมสนับสนุน Nest เช่นกัน

ความเสี่ยงของบ้านอัจฉริยะก็มี นั่นก็คือถ้ามีช่องโหว่เหล่าแฮคเกอร์ก็สามารถเจาะเข้ามาได้เหมือนคอมพิวเตอรืและมือถือ ซึ่งหลายๆบริษัทก็เตรียมให้คำแนะนำในส่วนของ cybersecurity zone เอาไว้แล้ว

_80016817_f49e3fde-0b15-4a27-86c0-b09e866fd7a7

3D printers

เมื่อ 3 ปีก่อน มีแค่เครื่องพิมพ์สามมิติแค่ 2 เครื่องที่นำมาโชว์ที่ CES แต่ปีนี้มีมากกว่า 20 เครื่อง นั่นแสดงให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยผู้ผลิตเครื่องที่ใช้ในอุตสาหรรมก็ลงมาร่วมด้วย แต่เครื่องที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่จะเป็นขาดกะทัดรัดสำหรับใช้ในบ้าน ผู้ใช้ก็ต้องเลือกยี่ห้อที่เป็นที่รู้จัก เพราะเดี๋ยวนี้ทำตามกันเยอะๆ ไม่งั้นอาจจะได้เครื่องที่ทำงานช้า ไม่ทันใจ

ทาง Makerbot ก็เตรียมแอปสำหรับผลิตเคสสมาร์ทโฟนรวมถึงหุ่นยนต์แนวเรโทรไว้ให้ ด้าน 3D Systems ก็พัฒนาเครื่องพิมพ์ที่สามารถพิมพ์อาหารได้ ซึ่งปรับปรุงจากปีก่อนที่พิมพ์ได้แค่ช็อกโกแลต, Mcor มีเครื่องที่พิมพ์วัตถุหลายสีสันจากกระดาษและหมึก

_80017120_08932a92-1c72-44cb-87df-e0d9b3482d20

Connected cars

Volkswagen เตรียมนำรถยนต์มาแสดงในงาน CES ปีนี้เป็นปีแรก ส่วน Mercedes ก็มีรถยนต์ไร้คนขับคอนเซ็ปต์ตัวใหม่ที่ผู้โดยสารสามารถหันหน้าคุยกันได้ ฟาก BMW วางแผนที่จะโชว์เทคโนโลยีรถจอดเองได้ผ่าการสั่งงานด้วยแอปบนนาฬิกาอัจฉริยะ  Ford เองก็เตรียมเปิดตัว Sync in-car entertainment และ emergency assistance system ซึ่งพัฒนาต่อเนื่องมาเป็รุ่นที่สามแล้ว

ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่ารถยนต์จะทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนและใช้ประโยชน์จาก ‘internet of things’ ยังไง คุณสามารถเช็คสถานะของรถยต์ได้ ในกรณีที่รถหายเช็คได้ว่าเครื่องยนต์ติดครั้งสุดท้ายที่พิกัดไหน รวมถึงให้ข้อมูลการขับ นอกจากนั้นเราอาจจะได้เห็น ‘mVallet’ ซึ่งช่วยให้คนขับสามารถจ่ายเงินผ่านระบบหน้าจอในรถยนต์ได้ทันที 

_80017124_346404d8-03e0-4ace-929f-ca7d2110f569

Other stuff

อุปกรณ์ที่น่าสนใจอื่นๆในงาน CES ยังมีอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อบลูทูธเอาไว้ติดตาม เด็กๆ, สัตว์เลี้ยง, กระเป๋า, สิ่งของอื่นๆ

ส่วนอุปกรณ์ Virtual reality ก็กำลังจะมาเช่นกัน เริ่มจาก Oculus Rift ที่คาดว่าจะเปิดตัวปลายปีที่แล้ว ก็เลื่อนมาออกเป็น VR helmets แล้วก็มี Giroptic กล้องแบบ 360 องศาเอาไว้ถ่ายคลิปเอาไว้เล่นบนแว่นเสมือนจริงเหล่านี้

นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์อื่นๆที่น่าสนใจ เช่น

  • แปรงสีฟันที่เล่นวิดีโอเกมได้
  • เด็กทารกเทียมที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้
  • แหวนที่แสดงว่ามีอีเมลกี่ฉบับที่คุณยังไม่เปิดอ่าน
  • อุปกรณืติดกับรองเท้าที่ช่วยให้คุณเดินเป็นปกติ
  • ปลอกคอน้องหมาที่ช่วยให้คุณคุยกับสัตว์เลี้ยง รวมถึงส่องดูพวกเค้าผ่านสมาร์ทโฟน

ทั้งหมดนี้เป็นพรีวิวเล็กๆน้อยก่อนงาน CES จะเริ่มขึ้น ใครที่อยากรู้ว่ามีอะไรเด็ดๆรอติดตามการรายงานสดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของซีเลยค่ะ ทั้ง Facebook, Twitter และ Instagram ของซีได้เลยค่ะ

VIA BBC