เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วค่ะกับ Apple Watch แต่ที่หลายคนผิดหวังก็คืออายุการใช้งานแบตเตอรี่นี่แหละค่ะ ที่ชาร์จแค่ครั้งเดียวจะใช้งานได้แค่ 18 ชั่วโมงเท่านั้น
ส่วนเรื่องราคานั้นต้องขอบอกว่า แม้จะมีรุ่นหลักๆในเลือก 3 รุ่น Apple Watch, Apple Watch Sport, และ Apple Watch Edition แต่ก็มีการซอยออกเป็นรุ่นย่อยๆ เยอะมาก โดยราคาขายเริ่มต้นรุ่นถูกสุดจะอยู่ที่ $349 หรือประมาณ 12,000 บาท จนไปถึงรุ่นแพงสุดคือ ทองคำ 18k ราคาอยู่ที่ $17,000 หรือ 544,000 บาท
ราคาของ Apple Watch collection นั้นจะขึ้นอยู่กับขนาดของหน้าปัด ( มีสองขนาดให้เลือกคือ 38mm และ 42mm) และชนิดของสายรัดข้อมือ (สายยาง,สายหนัง,สายโลหะ)
- Sport band $549/$599
- Classic Buckle $649/$699
- Milanese Loop $649/$699
- Modern Buckle $749 (38mm only)
- Leather Loop $699 (42mm only)
- Stainless steel link bracelet $949/$999
- Space Black stainless steel link $1049/$1099
ส่วน Apple Watch Edition ก็เช่นกัน แต่จำนวนที่วางขายนั้นจะมีจำนวนจำกัดและวางขายเฉพาะร้านเท่านั้น
- 38mm 18k rose gold w/ black white band $10,000
- 42mm 18k rose gold w/ black white band $12,000
- 38mm 18k yellow gold w/ black sport band $10,000
- 42mm 18k yellow gold w/ black sport band $12,000
- 38mm 18k rose gold w/ rose gray modern buckle $17,000
- 42mm 18k yellow gold w/ black classic buckle $15,000
- 38mm 18k yellow gold w/ bright red modern buckle $17,000
- 42mm 18k yellow gold w/ midnight blue classic buckle $15,000
ในส่วนของการใช้งานแบตเตอรี่ แอปเปิ้ลเคลมว่า Apple Watch สามารถใช้งานได้สูงสุด 18 ชั่วโมง พร้อมเพิ่มหน้าเพจ ผลทดสอบใช้งานแบตเตอรี่ โดยขนาดหน้าปัด 38mm และ 42mm ก็จะใช้งานได้นานไม่เท่ากันด้วย โดยรุ่น 42mm จะใช้งานได้นานกว่า แต่ผลการทดสอบนั้นจะเป็นการนำรุ่น 38mm มาทดสอบ เราจึงไม่ทราบแน่ชัดว่าเวลาในการใช้งานต่างกันแค่ไหน
การใช้งาน 18 ชั่วโมงนั้นจะประกอบไปด้วยการใช้งานดูเวลา, รับการแจ้งเตือนจากไอโฟน, การใช้แอปและการออกกำลังกายเป็นเวลา 30 นาที โดยใน 18 ชั่วโมงนี้จะแบ่งเป็น การดูเวลา 90 ครั้ง (ดู 5ครั้ง/ชั่วโมง), 90 notifications ( 5 ครั้งต่อชั่วโมง), ใช้แอป 45 นาที และออกกำลัง 30 นาที พร้อมฟังเพลงผ่านบลูทูธ นอกจากนั้น Apple Watch แยกทดสอบการใช้งานเฉพาะอย่าง เช่น ใช้คุยโทรศัพท์ต่อเนื่องได้นาน 3 ชั่วโมงเมื่อเชื่อมต่อกับไอโฟน, เล่นเพลงได้ 6.5 ชั่วโมงผ่านบลูทูธและ วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ 7ชั่วโมง ส่วนการสแตนบายนั้นสามารถอยู่ได้สูงสุด 72 ชั่วโมงขึ้นกับเงื่อนไข ในการชาร์จแบตจาก 0% ถึง 100% นั้นจะใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง ส่วนการชาร์จ 80% นั้นจะใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง ส่วนที่ชาร์จแบบไร้สายจะมีสองขนาดคือความยาว 1 เมตรและ 2 เมตร
นอกจากนั้น Apple Watch สามารถกันน้ำได้ระดับ IPX7 นั่นคือกันน้ำกระเด็นใส จึงทำให้ใส่เล่นกีฬา ใส่ล้างมือหรือใส่อาบน้ำได้ แต่ไม่สามารถเข้าไปดำน้ำได้นะ Apple Watch พร้อมวางขายในวันที่ 10 เมษายนนี้โดยสามารถเข้าไปสั่งจองล่วงหน้าในเว็บของแอปเปิ้ลได้ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคมนี้ กลุ่มประเทศแรกที่จะได้เป็นเจ้าของก่อนก็คือ อเมริกา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, ฮ่องกงและญี่ปุ่น นอกจากนาฬิกาแล้วแอปเปิ้ลยังเปิดขายอุปกรณ์เสริมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นสายรัดข้อมือชนิดต่างๆสำหรับเปลี่ยนจนไปถึงที่ชาร์จ
VIA 9to5mac