Beats by Dr.Dre (Beats) เปิดตัวเฮดโฟน Beats Studio3 Wireless ใหม่ในวันนี้ อัดแน่นด้วยฟีเจอร์และความสามารถอันทรงพลัง Beats Studio3 Wireless มอบประสบการณ์การฟังที่ดีที่สุดในตลาดเฮดโฟนที่มีระบบตัดเสียงรบกวน
Beats Studio3 Wireless
Beats Studio เป็นผลิตภัณฑ์แรกของแบรนด์ซึ่งเปิดตัวในปี 2008 โดยได้สร้างการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมและทำให้พรีเมี่ยมเฮดโฟนเป็นเทคโนโลยีที่จำเป็นและได้รับความนิยมจากคนทั่วโลก สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของ Beats นี้ คุณสามารถสนุกไปกับกิจกรรมในทุกๆ วัน ด้วยเทคโนโลยี Pure Adaptive Noise Canceling (Pure ANC) ใหม่ ที่ทำให้คุณได้ยินเสียงที่ต้องการมากขึ้นและได้ยินเสียงรบกวนจากภายนอกน้อยลง Beats Studio3 Wireless ใช้ชิป Apple W1 ซึ่งทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อและเปลี่ยนไปใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ของ Apple ได้อย่างง่ายดายเชื่อมต่อด้วย Class 1 Bluetooth ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานและชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว
“Beats Studio3 มอบประสบการณ์เหนือระดับทั้งในด้านเทคโนโลยีและคุณภาพเสียงที่เหนือกว่าผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่เราเคยแนะนำสู่ตลาด” Luke Wood ประธานของ Beats by Dr.Dre กล่าว “นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแบรนด์ เรามุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาคุณภาพเสียงที่ลดลงเนื่องจากการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และในตอนนี้ด้วยวิสัยทัศน์ที่ถูกต้อง พร้อมทั้งทีมงานและทรัพยากรที่มี เรามองเห็นเทคโนโลยีที่จะมอบประสบการณ์ด้านเสียงที่สมบูรณ์แบบใน Beats Studio3 นี้”
ด้วยการออกแบบอันยอดเยี่ยมของเฮดโฟนรุ่น Studio ทำให้เฮดโฟนรุ่นดังกล่าวได้รับเลือกจากดีไซเนอร์และศิลปินที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก จนถึงวันนี้ เฮดโฟนเหล่านี้ได้สร้างแรงบันดาลใจในการทำงานร่วมกันในรูปแบบใหม่อันน่าตื่นเต้นไม่ว่าจะกับAlexander Wang, MCM, Snarkitecture และล่าสุด Balmain
Beats Studio3 Wireless ยังคงรูปแบบดีไซน์อันเพรียวบางของ Beats Studio Wireless ในขณะที่ออกแบบส่วนประกอบอะคูสติกใหม่และอัพเกรดกระบวนการผลิตเพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้นตามหลักสรีรศาสตร์และการแยกเสียงที่ดีที่สุด ด้วย DNA ภายในใหม่เอี่ยม ทำให้ Beats Studio3 Wireless ปลดล็อคศักยภาพอันเต็มเปี่ยมของดีไซน์อะคูสติก โดยทุกอย่างเริ่มจากการนำชิป Apple W1 มาใช้ ส่งผลให้ Beats Studio3 Wireless สามารถมอบฟีเจอร์ชั้นนำในอุตสาหกรรม ได้แก่
การเชื่อมต่อกับ iPhone อย่างง่ายดายเพียง 1 ขั้นตอนผ่าน Bluetooth นอกจากนี้ ผู้ใช้ iPhone ยังสามารถเปลี่ยนไปใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ iCloud account เดียวกันได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นจากการสนทนาผ่าน iPhone ไปจนถึงการชมภาพยนต์จาก MacBook*
ด้วยประสิทธิภาพของชิป Apple W1 ทำให้แบตเตอรี่ของ Beats Studio3 ใช้งานได้นานขึ้นเกือบ 2 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อน โดยใช้งานได้นานถึง 22 ชั่วโมงเมื่อเปิด Pure ANC เพื่อคุณภาพเสียงอันยอดเยี่ยม และหากปิด Pure ANC โดยตรงจากเฮดโฟน จะสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 40 ชั่วโมงในโหมดใช้พลังงานต่ำโดยไม่สูญเสียคุณภาพเสียงแต่อย่างใด และหากใช้งานจนแบตเตอรี่หมดก็ไม่มีปัญหา เพราะระบบ Fast Fuel ช่วยให้คุณสามารถใช้งานเฮดโฟนได้ต่ออีก 3 ชั่วโมง หลังการชาร์จด้วยสาย Micro-USB ที่มาพร้อมกับเฮดโฟนเพียง 10 นาที
Class 1 Bluetooth ให้การเชื่อมต่อที่ดีที่สุด ลดปัญหาการเชื่อมต่อหลุด และเพิ่มระยะในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ iOS หรือ Andriod ได้ไกลขึ้น นอกจากนี้ระบบควบคุม Multi-funcition บนเฮดโฟน และไมโครโฟนบิวท์อิน ช่วยให้คุณสามารถโทรศัพท์ เปลี่ยนหรือข้ามเพลงที่กำลังฟัง รวมไปถึงปรับระดับเสียงและเปิดใช้งาน Siri ได้โดยไม่ต้องถอดเฮดโฟนออกหรือสั่งงานผ่านอุปกรณ์อื่น
Beats Studio3 Wireless นำเสนอเทคโนโลยี Pure ANC ที่มีเอกลักษณ์อันน่าทึ่งสู่ตลาด โดยเทคโนโลยีใหม่อันยอดเยี่ยมนี้ใช้อัลกอริธึมอันทันสมัยในการตรวจสภาพแวดล้อมการฟังของคุณอย่างต่อเนื่องเพื่อตัดเสียงรบกวนภายนอกให้ดีที่สุด ไม่เฉพาะเสียงรบกวนบนเครื่องบิน แต่รวมถึงเสียงรบกวนในคาเฟ่ที่มีเสียงดังหรือออฟฟิศที่ยุ่งวุ่นวาย Pure ANC ยังช่วยประเมินและปรับความพอดีในการสวมใส่ให้เหมาะสม ซึ่งอาจมีช่องว่างที่เกิดจากผม แว่นตา รูปทรงหูที่แตกต่างกัน และการเคลื่อนไหวของศีรษะในขณะทำกิจกรรมต่างๆ ในระหว่างวัน นอกจากนี้ Pure ANC ยังตรวจเช็คสิ่งที่คุณฟังไปพร้อมกับที่ระบบตัดเสียงรบกวนทำงาน เพื่อปรับระดับเสียงและให้มั่นใจได้ว่าผู้ฟังจะได้รับฟังเสียงที่ถูกต้องและมีคุณภาพสูงสุด สิ่งที่น่าทึ่งก็คือ Pure ANC เป็นระบบปรับเทียบเสียงแบบเรียลไทม์ที่ปรับระดับเสียงได้มากถึง 50,000 ครั้งต่อวินาที และด้วยการทำงานแบบอัตโนมัติประกอบกับพลังและประสิทธิภาพของชิป Apple W1 ทำให้เฮดโฟนสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 22 ชั่วโมง**
Beats Studio3 Wireless สวยงามยิ่งขึ้นด้วยสีใหม่ๆ อย่าง สีเมท แบล็ค (Matte Black) สีขาว (White) สีน้ำเงิน (Blue) และสีแดง (Red) รวมไปถึงสีพิเศษ อย่างสีพอร์เซเลี่ยน โรส (Porcelian Rose) และชาโดว์ เกรย์ (Shadow Grey)