หลายคนคิดว่าระบบปฏิบัติการ iOS ของ Apple นั้นเจาะได้ยากกว่า Android เพราะเป็นระบบปิด แต่เชื่อมั้ยว่าในกรณีที่เป็นเครื่องที่ติดล็อกนั้น การเจาะข้อมูลออกมา Android กลับทำได้ยากกว่า
ปกติแล้วเวลาที่จับกุมผู้กระทำผิด สมาร์ทโฟนของพวกเขาถึงเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการสาวไปถึงเหตุจูงใจหรือผู้ที่เกี่ยวข้องรายอื่นๆได้ แต่ปัญหาคือ คนที่โดนจับมักจะไม่ให้ความร่วมมือในการปลดล็อกมือถือเพราะกลัวจะเจอหลักฐานอื่นๆ
การเจาะเข้าไปในมือถือเหล่านี้ทำได้ยากมาก เพราะทางผู้พัฒนาระบบปฏฺบัติการเอง ไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่ เนื่องจากให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูลผู้ใช้มากกว่านั่นเอง นั่นทำให้เกิดการพัฒนาอุปกรณ์เจาะข้อมูลในมือถือที่ติดล็อกเข้ามา
อุปกรณ์ประเภทนี้มีบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ๆที่แข่งกันอยู่ 2 รายคือ Cellebrite และ Grayshift ทางฝั่งของ Cellebrite เป็นบริษัทของอิสราเอล พัฒนาอุปกรณ์ที่มีชื่อว่า Universal Forensic Extraction Device (UFED) มันก็คือเครื่องมือในการเจาะข้อมูลในสมาร์ทโฟนที่ติดล็อก ที่หน่วยงานทางกฎหมายและหน่วยงานที่มีอำนาจใช้ในการเข้าถึงข้อมูลผู้กระทำความผิด
การทำงานของอุปกรณ์เจาะข้อมูลจะคล้ายๆกัน คือทำการเชื่อมต่อสายเข้ากับพอร์ต Lightning ของไอโฟน จากนั้นตัวเครื่องจะใช้เทคโนโลยีเพื่อข้ามข้อจำกัดของการใส่ Passcode ปกติดแล้วถ้าเป็นคนกดนั้นจะจำกัดจำนวนครั้งที่ใส่ผิดเอาไว้ ถ้าเกินก็จะต้องรอเวลาถึงจะใส่รหัlอีกครั้งได้ แต่เครื่องนี้จะใช้วิธีที่เรียกว่า “brute force” คือ กรอกรหัสที่เป็นไปได้ทุกตัวเพื่อทำการปลดล็อกเครื่อง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทาง Apple ต้องใส่โหมด USB Restrictive มาใน iOS 11.4.1 เพื่อป้องกันการเจาะข้อมูลในเครื่องด้วยวิธีนี้
แต่เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ทั้ง Cellebrite และ Grayshift ก็ได้ค้นพบวิธีใหม่ในการดึงไฟล์เต็มรูปแบบออกมาได้ทั้งจาก iOS และ Android
ทางฟากของ Cellebrite ใช้เทคโนโลยีใหม่ที่มีชื่อว่า Checkm8 ในการค้นหาช่องโหว่ต่างๆ ส่งผลให้เข้าถึงชิปตระกูล A Series ของ Apple ที่ใช้กับไอโฟนที่ออกมาในปี 2011-2017 ได้สบายๆ เรียกว่าจะทำการเจลเบรกเครื่องแบบชั่วคราวหรือเจาะไฟล์ในเครื่องแบบเต็มรูปแบบออกมาก็ได้
ทางหน่วยงาน National Institute of Standards and Technology (NIST) ได้ทดสอบแล้วว่าอุปกรณ์ของ Cellebrite และ Grayshift สามารถเจาะข้อมูลในเครื่องของ iPhone 7 ออกมาได้เกือบทั้งหมด ซอฟท์แวร์ที่ใช้คือ UFED 4PC สามารถดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับไอโฟนเช่น ข้อมูล GPS data, ประวัติการโทร, ข้อความ และรายชื่อติดต่อจาก iPhone X หรือรุ่นที่เก่ากว่า ส่วนแอปอื่นๆอย่าง Twitter, LinkedIn, Instagram, Pinterest และ Snapchat สามารถดึงข้อมูลออกมาได้บางส่วนเท่านั้น อีเมลในเครื่องไม่สามารถดึงข้อมูลออกมาได้ ส่วนบริการอีเมลบน Cloud อย่าง Gmail นั้นจะสามารถเปิดได้ก็ต่อเมื่อมีหลายศาลเท่านั้น
ไอโฟน 7 ที่ถูกเจาะนี้ถือเป็นหนึ่งในมือถือ 2 เครื่องของ Mohammed Saeed Alshamrani คนร้ายในกรณีกราดยิงที่ Naval Air Station Pensacola จนมีผู้เสียชีวิต 3 รายและผู้บาดเจ็บอีก 8 รายซึ่งเจ้าหน้าที่สงสัยว่าเขาอาจจะมีส่วนเกี่ยวพันกับการก่อการร้าย
We are helping Apple all of the time on TRADE and so many other issues, and yet they refuse to unlock phones used by killers, drug dealers and other violent criminal elements. They will have to step up to the plate and help our great Country, NOW! MAKE AMERICA GREAT AGAIN.
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) January 14, 2020
เบื้องต้นทาง FBI ได้ประสานงานไปยัง Apple เพื่อขอความร่วมมือแต่กลับโดนปฏิเสธ ส่งผลให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกมาทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์โดยมีใจความดังนี้ “เราช่วย Apple ตลอดเวลาในเรื่องของสงครามการค้าและเรื่องอื่นๆ แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะปลดล็อกมือถือที่เหล่าฆาตกร, พ่อค้ายาและอาชญากรต่างๆ พวกเขาจำเป็นต้องทำหน้าที่นี้เพื่อช่วยเหลือประเทศ”