ตอนนี้เราเห็นเทรนด์การนำมาใช้ดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น ทาง Apple ได้เชิญสองผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ตรง มาพูดคุยมุมมองการใช้ Apple Watch ในการดูแลผู้สูงอายุ
เทคโนโลยีเป็นส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Apple Watch จะขึ้นแท่นสมาร์ทวอทช์ที่ใช้งานได้ทุกเพศทุกวัย ด้วยฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่ครอบคลุมทั้งการติดตามสุขภาพ ออกกำลังกาย การนอน โหลดแอปที่ต้องการใช้งานมาลงเพิ่มได้ รวมถึงวัดข้อมูลเชิงลึกอย่างการเต้นของหัวใจ ออกซิเจนในเลือด ตรวจจับการล้ม
มุมมองคุณหมอต่อเทคโนโลยีในการดูแลผู้สูงอายุ
นพ. สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย อายุรแพทย์โรคหัวใจ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีเป็นแพทย์อีกหนึ่งคนที่ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเอาเทคโนโลยีมาช่วยดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะการใส่ Apple Watch มาช่วยเก็บข้อมูลตลอดเวลา ทำให้แพทย์เข้าใจอาการเจ็บป่วยได้ดีขึ้น
ในช่วงแรกผู้สูงอายุหลายคนอาจจะยังไม่ชิน มักจะใส่ๆถอดๆเป็นประจำทำให้การเก็บข้อมุลไม่ต่อเนื่อง แต่พอคุ้นชินและรู้ถึงประโยชน์แล้วก็จะเริ่มใส่ติดตัวเป็นประจำโดยไม่ต้องบอก
คุณหมอบอกว่าจากที่เคยคุยกับผู้ป่วย ฟีเจอร์ที่ผู้สูงอายุใช้แล้วชอบ 3 อันดับแรกคือ
1.วัดการทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การออกกำลังกาย การนอนหลับ
2.วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจว่ามีว่ามีอาการเต้นผิดจังหวะหรือไม่ โดยเฉพาะอาการหัวใจห้องบนสั่นพริ้ว เพราะผู้สูงวัยมักจะกลัวการเป็นอัมพฤก อัมพาต ซึ่งหลายครั้งอาการหัวใจเต้นผิดปกตินั้นจะเกิดเวลาที่คนไข้อยู่ที่บ้าน เมื่อมีอาการผิดปกติเมื่อไหร่สามารถวัดได้ด้วยตัวเอง การมีเครื่องมือที่ช่วยให้คนสูงอายุประเมินอาการด้วยตัวเองเบื้องต้น จะทำให้คลายความกังวลได้หากไม่พบความผิดปกติ
ในกรณีที่พบว่าหัวใจเต้นผิดปกติจริง ก็นำข้อมูลที่เก็บในมือถือ ไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจอย่างละเอียดได้ตรงจุด เพื่อยืนยันอาการให้มั่นใจอีกครั้ง
3.การวัดออกซิเจนในเลือดในสถานการณ์โควิดและ PM 2.5
สิ่งที่คุณหมออยากให้เพิ่มใน Apple Watch
คุณหมอบอกว่าเทคโนโลยีใน Apple Watch เป็นตัวช่วยได้มาก เพราะคนไข้ เชื่อมโยงเก็บข้อมูลเอาไว้ในมือถืออยู่แล้ว พอเจอคุณหมอก็ยื่นมือถือให้ดู ซึ่งคุณหมอก็จะเข้าใจอาการได้ดีขึ้น รู้ว่าต้องตรวจตรงไหนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งคุณหมอสุวานิชเองก็พบเคสคนไข้เข้ามาปรึกษา แล้วนำไปสู่การตรวจพบเส้นเลือดในสมองตีบได้เร็ว รักษาได้ก่อน หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจจะนำไปสู่อัมพฤกษ์ อัมพาตได้
แน่นอนว่าเทคโนโลยีเองก็มีข้อจำกัด บางครั้งเกิดจากตัวคนไข้เอง ซึ่งคุณหมอเคยเจอเคสที่ ผู้สูงอายุมือสั่นตอนที่วัดค่าคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ทำให้วัดข้อมูลได้ไม่ตรง ไม่สามารถบอกผลซึ่งอาจจะสร้างความกังวลใจให้กับผู้ป่วยได้
สิ่งที่คุณหมออยากให้ Apple Watch เพิ่มความสามารถก็มี 2 เรื่องคือ อยากให้วัดคลื่นหัวใจกับวัดความดันได้พร้อมกัน ถ้าทำได้จะช่วยคุณหมอได้เยอะเลยค่ะ เรื่องต่อมาคือ ฟีเจอร์ตรวจจับการล้ม อยากให้เวลาที่ล้มแล้วบันทึกคลื่นหัวใจให้ทันที เพื่อให้เพิ่มข้อมูลในการรักษาได้มากขึ้น
นอกจากนั้นคุณหมอยังเน้นย้ำว่า Apple Watch ไม่ใช่เครื่องมือที่บอกว่า ใครป่วยเป็นอะไร แต่เป็นเครื่องมือ Screening อาการป่วยเบื้องต้น ช่วยให้คุณหมอวินิจฉัยโรคได้เร็วขึ้น อย่างการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจนั้น Apple Watch ตรวจแค่ 1 lead ต่างจากเครื่องตรวจ ECG ตามโรงพยาบาลที่ใช้การวัดแบบ 12 lead ที่วัดได้ละเอียดกว่า
อย่างในเคสของ A-Fib มีผู้สูงอายุที่มีการแจ้งเตือนจาก Apple Watch เข้ามาปรึกษาคุณหมอ หลังตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง มีการตรวจพบอาการจริง 3-4 เคส ส่วนอีก 30-40 เคสนั้น ตรวจแล้วไม่พบอาการ A-Fib
แนวทางในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ
คุณเมจิ อโณมา คุก ที่ผันตัวมาเอาดีเรื่องการออกกำลังกายและดุแลสุขภาพ ได้ออกมาพูดถึง แนวทางในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุด้านการออกกำลังและการทานอาหาร
เริ่มจากการออกกำลังกาย ผู้สูงอายุไม่สามารถออกกำลังกายหนักๆได้เหมือนคนหุ่นสาว เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องของข้อต่อ เส้นเอ็น และมวลกระดูกที่หนาแน่นน้อยลง หากเกิดอุบัติเหตุก็จะฟื้นตัวช้า
คุณเมจิแนะนำว่า ผู้สูงอายุควรออกกำลังกายเน้นไปที่การเคลื่อนไหว เช่น เน้นการเดินมากขึ้น หากผู้สูงอายุไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน ควรเริ่มจากการเดินให้ครบ 15 นาทีก่อน หลังจากนั้นค่อยๆขยับขึ้นไปทีละนิดจนครบ 30 – 45 นาที
Apple Watch นอกจากจะช่วยเก็บข้อมูลแล้ว ยังสามารถเพิ่มแรงจูงใจให้ผู้สูงอายุออกกำลังกายมากขึ้น เช่น Activity Ring ที่ผู้ใส่จะต้องปิดให้ครบในแต่ละวัน ซึ่งคุณเมจิแนะนำว่า การตั้งเป้าของผู้สูงอายุนั้นควรจะเริ่มจากน้อยๆก่อนแล้วค่อยขยับให้สูงขึ้นเพิ่มความท้าทาย เนื่องจากคุณเมจิไม่ได้อยู่กับคุณแม่ แต่ก็สามารถติดตามสถานะต่างๆได้ผ่าน Family Sharing สำหรับแชร์ข้อมูลระหว่างสมาชิกในครอบครัว ทำให้รู้ถึงความก้าวหน้าในการออกกำลังกายได้จากมือถือของตัวเองแม้จะอยู่คนละที่
นอกจากนั้นคุณเมจิยังให้คุณแม่ออกกำลังกายด้วยการเข้าคลาสเต้นลีลาศ เพื่อให้เข้าสังคมกับคนวัยเดียวกัน ซึ่งเพลงที่ใช้ประกอบการเต้นยังมีส่วนสำคัญช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกสนุก เคลื่อนไหวไปตามจังหวะเพลงที่คุ้นเคยสมัยวัยรุ่น ทำให้รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง การเต้นลีลาศยังเป็นการฝึกสมอง ลดความเสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์ เพราะตัองฝึกสมองจำท่าทาง จับจังหวะเพลงและเคลื่อนไหวให้สอดคล้องกัน
ส่วนการกำลังกายด้วยการยกน้ำหนัก ไม่ควรใช้ดัมเบล แนะนำให้ผู้สูงอายุออกกำลังโดยยกขวดครีมที่มีน้ำหนักและขนาดพอดีมือ เน้นยกขึ้นลง ยืดออก หมุนเป็นวงกลม สร้างโมเมนตัม เพื่อให้ข้อต่อ ข้อมือ ข้อศอกและเส้นเอ็นต่างๆได้เคลื่อนไหว ไม่ต้องเน้นเฉพาะจุด หรือเน้นกล้ามเนื้อ เน้นการเคลื่อนไหวโดยรวมทั้งกล้ามเนื้อมัดเล็ก มัดใหญ่
การทานอาหารผู้สูงวัยควรลดการทานน้ำตาล/กลูโคสที่ทำให้เซลล์เสื่อมสภาพ ส่งผลให้ร่างกายเหนื่อเร็วขึ้น ซึ่งจะเป็นต้นเหตุให้เกิดอาการอื่นๆ ตามมาเช่น เบาหวาน ความดัน คอเลสเตอรอล รวมถึงทำให้เกิดความเครียดมากขึ้น หากอยากทานน้ำตามแนะนำให้ทานผลไม้อย่าง แอปเปิ้ล กล้วย มะละกอสุก แก้วมังกร เพราะจะได้นำตาลจากธรรมชาติ แถมยังมีไฟเบอร์ที่ดีต่อระบบขับถ่าย
ต่อมาคือการงดทานเนื้อแดง อย่างเนื้อหมู เนื่อวัว หันไปทานเนื้อไก่ เนื้อปลาและโปรตีนจากพืชแทน เนื่องจากเอ็มไซม์ในกระเาพะอาหารจะย่อยเนื้อแดงได้น้อยลง ไม่สามารถดูดซึมกรดอะมิโนที่มีส่วนช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ ทำให้เกิดการอุดตันในลำไส้ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดริดสีดวงหรือมะเร็งลำไส้ได้
นอกจากนั้นผู้สูงอายุควรทานอาหารเสริมเพื่อช่วยเสริมสร้างรายกายให้แข็งแรง เน้นไปที่แคลเซียล/แมกนีเซียมเสริมความแข็งแรงของกระดูก วิตามิน B3 และโปรไบโอติก
แม้จะทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายสม่ำเสมอแล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือการ จัดการความความเครียด ซึ่งใน Apple Watch ก็มีหลายแอปช่วยจัดการความเครียด เช่น การฝึกสมาธิ แอปที่ใช้คลื่นเสียงมาช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย รวมถึงเพิ่มสมาธิได้ด้วย