ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เป็นหนึ่งในระบบปฏิบัติการที่มีคนใช้งานมากที่สุดในโลก ซึ่งทาง Google เองก็ได้เผยทิศทาง Android ในงาน CES 2022 เน้นเชื่อมโยงทุกอุปกรณ์เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ
ปัจจุบันมีผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ทั่วโลกมากกว่า 3,000 ล้านคนซึ่งครอบคลุมหลายอุปกรณ์ทั้งสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต ทีวีและอีกสารพัด ทาง Google พยายามพัฒนาระบบนิเวศให้อุปกรณ์เหล่านี้ทำงานร่วมกันได้อย่างง่ายดายและไร้รอยต่อเพื่อให้ผู้ใช้เกิดประโยชน์มากที่สุด ซึ่งเขาเรียกแนวคิดนี้ว่า Better Together ลองไปดูว่าเขาได้พัฒนาอะไรใหม่ๆเพื่อตอบโจทย์แนวคิดนี้บ้าง
ตั้งค่าและเชื่อมต่ออุปกรณ์อย่างง่ายดาย
ทาง Google ได้พยายามพัฒนาอุปกรณ์รุ่นใหม่ๆให้เชื่อมต่อกันง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หูฟังไร้สาย ที่ก่อนหน้านี้เราจะต้องไปที่การตั้งค่า เข้าหัวข้อบลูทูธ ค้นหาอุปกรณ์แล้วทำการเชื่อมต่อ เรียกว่าผ่านหลายขั้นตอนมากๆ
นั่นจึงเกิดเป็นฟีเจอร์ Fast Pair บนแอนดรอยด์ที่ช่วยให้เชื่อมต่ออุปกรณ์บลูทูธได้เร็วขึ้น เพียงแค่เอามาวางใกล้กันเท่านั้น สามารถใช้งานได้กับทั้งหูฟัง อุปกรณ์สวมใส่ ลำโพงไร้สาย ทีวี จนไปถึงรถยนต์
นอกจากนั้นยังรองรับการทำงานกับ Chromebook ช่วยให้จับคู่กับหูฟังได้อย่างรวดเร็วในคลิกเดียว ส่วนรุ่นใหม่ๆที่จะออกในปีนี้จะสามารถใช้สมาร์ตโฟนแอนดรอยด์ช่วยในการตั้งค่าและเข้าถึงรหัสผ่านที่เราเซฟไว้ได้

ในส่วนของ Google TV และ Android TV OS ก็เตรียมอัปเดตให้ใช้ฟีเจอร์นี้ในการเชื่อมต่อกับหูฟังเช่นกัน นอกจากนั้น Fast Pair ยังช่วยให้เชื่อมต่ออุปกรณ์สมาร์ตโฮมที่รองรับ Matter บนแอนดรอยด์ เชื่อมต่อกับเครือข่ายได้ด้วยการกดไม่กี่ครั้ง

ล็อก/ปลดล็อกอุปกรณ์
เราสามารถใช้สมาร์ตโฟนแอนดรอยด์ปลดล็อก Chromebook ได้แล้ว ส่วนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านาฬิกาที่เป็น Wear OS ก็จะใช้ปลดล็อกได้เหมือนกัน เพียงแค่เอาอุปกรณ์มาจ่อใกล้ๆก็จะปลดล็อกให้ทันที

ในส่วนของรถยนต์นั้นก็มีฟีเจอร์ digital car key เริ่มใช้งานได้กับสมาร์ตโฟน Galaxy S ของ Samsung และ Pixel ก่อน ในการล็อกและปลดล็อกรถยนต์ BMW รุ่นที่รองรับ ซึ่งเขาจะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Ultra Wideband (UWB) ทำให้เราไม่จำเป็นต้องควักมือถือออกจากกระเป๋าก็ปลดล็อกได้ เพียงแค่มือถืออยู่ในรัศมีทำการก็จะปลดล็อกให้ ส่วนมือถือและรถยนต์รุ่นอื่นๆจะประกาศเพิ่มเติมในปลายปีนี้

เชื่อมโยงและแชร์ข้อมูลข้ามอุปกรณ์
เพื่อให้เราเสพภาพและเสียงได้อรรถรส อุปกรณ์จะต้องฉลาดรู้ว่าเราต้องการจะใช้อะไร ตอนไหน ดังนั้นทาง Google จึงเพิ่มเทคโนโลยีสามารถสลับการเชื่อมต่อหูฟังบลูทูธอัตโนมัติ เวลาที่เราย้ายการใช้งานจากมือถือไปยังแท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ รวมถึงหยุดเล่นอัตโนมัติเมื่อมีสายเรียกเข้าเข้ามา จากนั้นจะเล่นต่ออัตโนมัติเมื่อเราวางสาย
รวมถึงมีการเพิ่ม Spatial audio ระบบเสียงรอบทิศทาง โดยจับการเคลื่อนไหวของศีรษะ ซึ่งฟีเจอร์นี้จะปล่อยออกมาให้ใช้งานกับหูฟังที่รองรับ

เรายังสามารถจัดการคอนเทนท์ข้ามอุปกรณ์ผ่าน Chromecast built-in ซึ่งมือถือแอนดรอยด์สามารถส่งวิดีโอไปเล่นบนทีวี ส่งเสียงไปเล่นบนลำโพง ซึ่งทาง Google วางแผนที่จะขยาย Chromecast built-in ไปยังแบรนด์อื่นๆเพิ่มขึ้น เช่น ลำโพงและ soundbars ของ Bose ที่จะวางขายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ไม่ว่าคุณจะอยู่บ้านหรือข้างนอก ก็มีฟีเจอร์ Phone Hub บน Chromebooks ที่ช่วยให้เราเข้าถึงอุปกรณ์ต่างๆของเรา เช่น เข้าไปตั้งค่าบนมือถือ ดูการแจ้งเตือนต่างๆ ส่วนในปีนี้จะสามารถเข้าถึงแอปแชทบนมือถือได้ผ่าน Chromebook ไม่ต้องกลัวว่าลืมมือถือแล้วจะพลาดการสื่อสารสำคัญๆไป รวมถึงสามารถเพิ่ม Camera Roll ไปยัง Phone Hub ให้เราเข้าถึงรูปถ่ายและวิดีโอบนมือถือได้ด้วย

ส่วน Google Assistant เพิ่มความสามารถในการเปิดแอร์/เปิดฮีตเตอร์ในรถยนต์ ล็อก/ปลดล็อกรถยนต์ รวมถึงถามข้อมูลของรถ อย่างเช่นแบตเตอรี่เหลือเท่าไหร่แล้ว ซึ่งจะรองรับรถยนต์ค่าย Volvo ก่อนส่วนแบรนด์อื่นๆจะตามมา
Android และ Windows PC ทำอะไรได้มากขึ้น
Android เตรียมขยายการใช้งานข้ามแพลตฟอร์มมากขึ้น อย่างใน Windows เชื่อมต่อมือถือแอนดรอยด์ง่ายขึ้นผ่าน Fast Pair สามารถ sync ข้อความและแชร์ไฟล์ผ่าน Nearby Share โดยร่วมทำงานกับ Acer, HP และ Intel ในการส่งมอบประสบการณ์เหล่านี้ผ่านคอมพิวเตอร์ Windows PC ที่จะวางขายในปีนี้

ทั้งหมดนี้คือฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจของ Android และทิศทางทั้งหมดตลอดทั้งปี ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะทำให้ผู้ใช้สะดวกสบายมากขึ้น
ที่มา Google