Samsung Electronics ประกาศเปิดตัวไลน์อัพทีวีรุ่นใหม่ มาครบทั้ง Neo QLED, MICRO LED และ Samsung OLED พร้อมอุปกรณNเสริมและผลิตภัณฑ์ด้านไลฟ์สไตล์ในงาน CES 2023 มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ที่เน้นด้านการเชื่อมต่อและสร้างประสบการณ์ส่วนบุคคล

เรียกว่าผลิตภัณฑ์ของซัมซุงค่อนข้างหลากหลาย ช่วยให้ผู้ใช้สร้างประสบการณ์ส่วนบุคคลผ่านอุปกรณ์ที่ใช้งานทุกวัน ด้วยเทคโนโลยีที่เข้าใจง่ายกว่าเดิม ซึ่งปีนี้เน้นไปที่การผสานการทำงานข้ามอุปกรณ์แบบไร้รอยต่อในระบบนิเวศผ่านแพลตฟอร์ม SmartThings เพื่อให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น

Neo QLED ทีวีพรีเมียมให้ประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ยอดเยี่ยม

ทีวี Neo QLED 8K และ 4K เพิ่มตัวเลือกที่ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ คุณภาพของภาพนั้นสนับสนุนโดย ชิป Neural Quantum Processor ที่รองรับการประมวลผลภาพแบบ 14-bit และ AI upscaling พร้อมฟีเจอร์ใหม่อย่าง Shape Adaptive Light Control และ Real Depth Enhancer Pro สำหรับภาพสามมิติทำให้ภาพที่ได้มีชีวิตสมจริง

Neo QLED 2023 ให้มากกว่าภาพที่ชัดผ่านจอความละเอียดสูง แต่มีการใช้อัลกอริทึ่มมาช่วยสร้าง Auto HDR Remastering โดยเทคโนโลยี AI deep learning ช่วยวิเคราะห์และสร้างเอฟเฟก High Dynamic Range (HDR) ได้แบบ Real-time บนคอนเทนท์ที่เป็น Standard Dynamic Range (SDR) แบบซีนต่อซีน ส่งผลให้คอนเทนท์ SDR มีความสว่างและมีชีวิตชีวาสมจริง

ส่วนผู้ใช้ SmartThings ไม่ต้องซื้อ dongle มาเชื่อมต่อและควบคุมอุปกรณ์ Zigbee แล้ว ในปี 2023 จะมีโมดูล SmartThings Zigbee & Matter Thread รวมในชิปตัวเดียวฝังเข้าไปในผลิตภัณฑ์ของซัมซุง ช่วยให้ประสบการณ์เชื่อมต่อที่ดีขึ้น โดย SmartThings จะ syncs การทำงานให้อัตโนมัติ เพื่อให้ควบคุมได้ง่ายขึ้น ไม่ใช่แค่ของซัมซุงแต่ยังรองรับอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้า IoT ของ third-party ด้วย

  • Chat Together: ผู้ใช้สามารถแชทแบบกลุ่มและโต้ตอบแบบ real-time ตอนที่ชมคอนเทนท์เดียวกัน
  • ConnecTime: ช่วยให้ทำวิดีโอคอลง่ายขึ้นบนทีวี แถมโอนการเชื่อมต่อไปจออื่นได้แบบไร้รอยต่อ
  • 3D Map View: ช่วยให้ควบคุมการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ทำให้เห็นภาพรวมของบ้านทั้งหลังในมุมมองของ bird’s eye ได้ในแวบเดียว

MICRO LED และ Samsung OLED

MICRO LED 2023 มีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 50 -140 นิ้ว ให้เหมาะกับพื้นที่แต่ละคน สามารถนำมาเรียงเป็นรูปทรง ขนาด และสัดส่วนที่ต้องการได้อย่างสมบูรณืเพราะไม่มีขอบจอ

ส่วน OLED ทีวีนั้นเพิ่มขนาดใหม่ 55, 65 และ 77 นิ้ว มาพร้อมเทคโนโลยี Quantum Dot แบบเดียวกับที่อยู่ใน Neo QLED ทีวี รวมถึงใช้ชิป Neural Quantum Processors เพื่อทำลายข้อจำกัดด้านความสว่างและสีสัน

ทีวีรุ่นใหม่มาพร้อมรีเฟรชเรตที่ 144Hz พร้อมฟีเจอร์ Samsung Gaming Hub และถือเป็นครั้งแรกที่ OLED TV มาพร้อม FreeSync Premium Pro certification ของ AMD เพื่อประสบการณ์เล่นเกมที่ยอดเยี่ยม

เรื่องสุดท้ายคือ เพิ่มทางเลือกในการรับชม ด้วยบริการ Samsung TV Plus แบบไม่มีโฆษณา และบริการ video-on-demand ที่ครอบคลุมมากกว่า 1,800 ช่องทั่วโลก โดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าสมาชิกรายเดือน

Samsung Gaming Hub

Samsung Gaming Hub เพิ่มช่องทางให้ผู้ใช้เข้าถึงเกมยอดนิยมหลายพันเกมแบบไม่จำกัดจากพันธมิตรอย่าง Xbox, NVIDIA GeForce NOW, Amazon Luna และ Utomik โดยไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดเกม หมดปัญหาเรื่องพื้นที่จำกัด แถมยังสลับโหมดทีวีและเล่นเกมได้อย่างง่ายดาย

Samsung Gaming Hub ให้ภาพคุณภาพสูงผ่าน 4K streaming แถมยังทำงาน multitasking ชมคอนเทน?อื่นๆได้ไปพร้อมกัน นอกจากนั้นยังอัปเกรด GameBar 3.0 ด้วย MiniMap Sharing แชร์แผนที่เกมบนหน้าจอ และ Virtual Aim Point ที่ออกแบบสำหรับเกมแนว first-person shooters (FPS) ทำให้ผู้เล่นมองเห็นเป้าเล็งได้ชัดเจนขึ้น

นอกจากนั้น Samsung Gaming Hub ยังมาพร้อมจอ smart monitors และจอเล่นเกมอื่นๆของซัมซุง ในซีรีส์ Odyssey เช่น Odyssey Ark ที่ผู้ใมช้สามารถหมุนจอใช้งานแนวตั้งได้ตามความต้องการใช้งาน ด้วยขนาด 55 นิ้วและจอโค้ง 1000R ที่ให้เสียงสงพลัง

ขยายผลิตภัณฑ์กลุ่ม Lifestyle พร้อมฟีเจอร์ใหม่

  • The Premiere 8K: เลเซอร์โปรเจคเตอร์ ระยะฉายสั้น ขยายภาพได้สูงสุดเทียบเท่าจอ 150 นิ้ว
  • The Freestyle มาพร้อม Smart EDGE Blending: เพิ่มฟีเจอร์ Smart EDGE Blending ทำให้ใช้งาน 2 เครื่องพร้อมกันเพื่อแสดงภาพขนาด 21:9 โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องตั้งค่า แถมยังรองรับฟีเจอร์ Samsung Gaming Hub ด้วย
  • New UI and Accessories: ปรับปรุง Samsung Art Store เพิ่มฟีเจอร์ previews at-a-glance และ extended content offerings จำลองให้เหมือนเราดูภาพในแกลอรี่หรือพิพิธภัณฑ์ ส่วน The Frame เพิ่มขอบโลหะทำให้ดูทันสมัยและโมเดิร์นขึ้น นอกจากนั้นยังยังมีเมาท์ติดผนังและขาตั้งที่มาพร้อมระบบหมุนอัตโนมัติเพื่อให้ประสบการณ์แบบเดียวกับThe Sero ไปยังทีวีรุ่นอื่นๆ

Everyday Sustainability With Samsung Screens

Samsung ทำงานร่วมกับพันธมิตรและลูกค้าในเรื่องของสิ่งแวดล้อม

  • วัสดุรีไซเคิล: รีโมททีวี 2023 นั้นจะใช้พลาสติกทะเล 20% แทนฝาหลัง ส่วนแผงวงจรหลักจะใช้ทองแดงและอะลูมิเนียมรีไซเคิล ลดการใช้วัสดุหลัก 12%
  • ลดผลกระทบจากการผลิตSamsung ออกแบบเครื่องขึ้นรูปน้ำหนักเบา ใช้วัสดุน้อยลง ด้วยโครงสร้างที่นำมาใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ ช่วยให้ลดการใช้พลังงานและวัตถุดิบน้อยลง
  • AI Energy Saving Mode: SmartThings ในทีวีปี 2023 TVs มาพร้อมโหมด AI Energy Saving ลดการใช้พลังงาน และการปล่อยคาร์บอน เวลาที่ไม่ได้ใช้งาน ส่วน 3D Map View ช่วยให้เห็นภาพรวมการใช้งานอุปกรณ์ และรู้ว่าอะไรไม่ได้ใช้งาน
  • Eco-Packaging: ใช้หมึกพิมพ์น้อยลง ใช้เทปกระดาษแทนพลาสติกหุ้ม ลดขนาดบรรจุภัณฑ์เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน

เสียงหลายมิติและคุณภาพด้วย AI

ทีวีพรีเมียมมาพร้อมคุณภาพเสียงแบบสมจริง ผ่านลำโพงในตัวที่ทรงพลัง ให้ประสบการณ์เหมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์

  • AI Sound Remastering: ทีวีรุ่นเรือธงและ soundbar จะมาพร้อม Sound Remastering ใช้ AI มาสร้างเสียงใหม่ที่ชัดเจน และเสียงแวดล้อม โดยแต่ละองคืประกอบเสียงดังอยู่ในระดับที่เหมาะสม
  • Soundbars ใหม่:  HW-Q990C รุ่นเรือธงมาพร้อมเสียง 11.1.4 ชาแนง รองรับ Dolby Atmos, รุ่น HW-S800B ให้เสียงสมจริง Dolby Atmos 3.1.2 ชาแนลแต่มีความบางแค่ 38mm เท่านั้น
  • Q-Symphony: การทำงานร่วมกันระหว่างทีวีและ soundbar ใช้ชิป Neural Processing วิเคราะห์สัญญาณเสียงและประมวลผลแต่ละเสียงให้มีรายละเอียดมากกว่าที่เคย

ที่มา https://news.samsung.com/global/samsung-advances-new-era-of-screens-with-its-new-2023-neo-qled-micro-led-and-samsung-oled-lineup-boasting-powerful-performance-secure-connectivity-and-personalized-experiences