Mercedes-Benz โชว์เคส CES 2023 ในธีม “Tech to Desire” พร้อมนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อช่วยเติมเต็มชีวิตผู้ใช้ รวมถึงประกาศแผนเปิดตัวเครือข่ายชาร์จ พร้อมเปิดตัวในอเมริกาเหนือโดยจับมือกับ MN8 Energy และ ChargePoint.

Mercedes-Benz high-power charging network

เครือข่ายชาร์จประสิทธิภาพสูงนั้นจะเปิดตัวในอเมริกาเหนือในปีนี้ จากนั้นยุโรปและจีนจะตามมา คาดว่าเครือข่ายจะสมบูรณ์ภายในปี 2027 จะมีฮับมากกว่า 400 ฮับ หัวชาร์จมากกว่า 2,500 หัวชาร์จ ให้กำลังไฟชาร์จสูงสุด 350 kW พร้อมระบบอัจฉริยะจัดการให้ชาร์จไฟได้สูงสุดตามแต่รถแต่ละคันเพื่อให้ใช้เวลาชาร์จน้อยที่สุด พร้อมเปิดให้ใช้ได้กับรถยนต์ไฟฟ้าทุกแบรนด์ ครอบคลุมทั่วทวีป จะเน้นจุดที่ใกล้ทางหลวง สี่แยกหลักๆ และเขตเมือง โดยเลือกจุดที่ลูกค้ามีความจำเป็น บางจุดก็จะระบบป้องกันสภาพอากาศเพิ่ม ในจุดที่มีสภาพอาการ้อนหรือหนาวจัด ภายในก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านอาหารและห้องน้ำครบครัน เพื่อให้ประสบการณ์ระดับพรีเมียมและยั่งยืน

ภายในสถานีชาร์จมีการติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อจ่ายไฟฟ้าให้กับระบบไฟ รวมถึงกล้องวงจรปิดในสถานี รวมถึงใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนโดยทำสัญญากับพันธมิตรที่ได้รับการรับรองเพื่อให้เป็นไปตามกลยุทธ์ “Ambition 2039” ซึ่งได้ MN8 Energy หนึ่งในผู้ผลิตแบตเตอรี่และระบบพลังงานแสงอาทิตย์รายใหญ่ของสหรัฐมาเป็นพันธมิตรรายใหญ่ ส่วน ChargePoint ก็เป็นเครือข่ายสถานีชาร์จรายใหญ่ของโลกในสหรัฐและยุโรปที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 5,000 ล้านไมล์ นั่นทำให้สถานีชาร์จของ Mercedes-Benz ขยายไปได้อย่างรวดเร็ว

VISION EQXX

ในงาน CES ปีนี้ได้นำ VISION EQXX มาลองวิ่งจริงบนท้องถนนตลอดช่วงเวลาจัดงาน โชว์ประสิทธิภาพประหยัดพลังงานวิ่งได้ไกล 1,200 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งฤดูร้อนที่ผ่านมาได้ทดสอบวิ่งใช้พลังงานเฉลี่ย 8.3 kilowatt hours ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตรโดยวิ่งจากสตุ๊ดการ์ตในเยอรมันไป Silverstone ในสหราชอณาจักร ซึ่งในงานเปิด CES ก็ให้สื่อได้มีโอกาสลองขับ VISION EQXX ด้วย

Automatic Lane Change (ALC) เปิดให้ใช้งานในอเมริกาเหนือ

Mercedes-Benz ประกาศเตรียมเปิดให้ใช้งานฟีเจอร์เปลี่ยนเลนอัตโนมัติ Automatic Lane Change (ALC) ในทวีปอเมิกาเหนือภายในปีนี้ ALC จะช่วยให้เปลี่ยนเลนอัตโนมัติแซงหน้ารถที่มีความเร็วต่ำกว่าเมื่อเปิดโหมด cruise control ซึ่งคนขับจะต้องตั้งค่าความเร็วของ Active Distance Assist DISTRONIC ก่อน จากนั้นระบบะตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบด้วยกล้อง, เซนเซอร์และเรดาร์เพื่อเปลี่ยนเลนแซงรถที่มีความเร็วช้ากว่า เรียกว่าเป็นการขยาย ฟีเจอร์ Mercedes Benz SAE Level 2 ให้ใช้งานได้มากขึ้น

SAE Level 3 เปิดให้ใช้งานใน Nevada และ California

ระบบขับขี่อัตโนมัติ SAE Level 3 แบบมีเงื่อนไขจะเปิดให้ใช้งานในรัฐ California และ Nevada ซึ่งตามกฎหมายแล้วจะใช้ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อเปิดโหมดนี้คนขับจะสามารถทำกิจกรรมอย่างการสื่อสาร ท่องเว็ย ดูหนังในรถได้แบบไม่ต้องกังวลเรื่องอุบัติเหตุ

จับมือ Apple Music และ UMG ด้วยพลังเสียง Dolby Atmos

Mercedes-Benz จับมือกับ Apple Music, Universal Music Group (UMG) และ Dolby Laboratories, Inc ในการนำนวัตกรรมด้านเสียงมาสู่ยานยนต์ของ Mercedes-Benz

ในส่วนของ Apple Music นั้น Mercedes-Benz เป็นแบรนด์แรกที่ไม่ใช่อุปกรณ์ Apple ที่สามารถใช้งาน Spatial Audio พร้อม Dolby Atmos บน Apple Music ได้ ส่วน Universal Music Group ก็มีการใช้มาตรฐานด้านเสียงใหม่ ในการมิกซ์เสียง พร้อมออกตรารับรอง “Approved in a Mercedes-Benz” ในฐานะเครื่องหมายยืนยันมาตรฐานใหม่

นั่นทำให้เกิดความเป็นไปได้ใหม่ๆด้วยการผนวก Dolby Atmos immersive audio เข้าไปใน Burmester® ระบบเสียง 4D และ 3D ที่อยู่ใน MBUX เจนล่าสุด ซึ่ง UMG วางแผนที่จะปรัยสตูดิโออัดเสียงในเยอรมันให้รองรับการมิกซ์เสียง Dolby Atmos

จับมือ ZYNC เพิ่มประสบการณ์ in-car digital entertainment

Mercedes-Benz จับมือกับ ZYNC แพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับให้ความบันเทิงในรถยนต์ ในการนำคอนเทนท์ใหม่ รวมหลายระบบสตรีมมิ่งเข้าไปในรถยนต์อยู่ในแพลฟตอฟอร์มเดียว เพื่อให้เสพย์ความบันเทิงได้ทั้งตอนขับและจอดรถอยู่

Mercedes-Benz สร้างคาแรกเตอร์ใหม่ “Superdackel”

Mercedes-Benz ประกาศความร่วมมือกับ SUPERPLASTIC สร้างคาแรกเตอร์ใหม่บน SUPERPLASTIC universe ในชื่อว่า Superdackel โดยเปิดตัวในรูปแบบหนังสั้นแอนิเมชัน

โดยในบู้ตจะมีน้อง Superdackel มีขนาด  8.2 ฟุตตั้งอยู่ข้างๆจอของ VISION EQXX เพื่อโชว์เคสรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่างๆ

ที่มา https://www.bloomberg.com/press-releases/2023-01-05/mercedes-benz-reveals-new-charging-network-and-tech-updates-at-ces-2023