อีกหนึ่งแก็ดเจ็ตที่เรียกความสนใจได้ในงาน CES 2023 คือ แก็ดเจ็ตความสวยความงานของคุณสาวๆ ซึ่งเทรนด์ในปีนี้นอกจากเพิ่มความสะดวกสบายแล้ว เรายังเห็นการปรับแต่งให้เข้ากับแต่ละบุคคลมากขึ้น มีชิ้นไหนน่าสนใจกัรบ้างไปดูกันค่ะ

HAPTA ตัวช่วยเสริมสวยสำหรับคนที่มีปัญหาในการเคลื่อนไหว

หลายปีที่ผ่านมาทาง L’Oréal Group ก็ได้นำนวัตกรรมใหม่ๆมาโชว์ตัวทุกปี ซึ่งดาวเด่นของปีนี้คือ HAPTA อุปกรณ์ช่วยถือและทาลิปสติกสำหรับสาวๆที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อ มือหรือนิ้ว เพื่อให้ทุกคนที่อยากสวย สามารถสวยได้อย่างเท่าเทียม

ตัวเทคโนโลยีที่ใช้นั้นพัฒนาโดย Verily บริษัทเทคด้านสุขภาพในเครือของ Alphabet Inc. หรือบริษัทแม่ของ Google นั่นเองเป้าหมายแรกเริ่มของเทคโนโลยีนี้คือ เอาไปใส่ในช้อนเพื่อช่วยลดการสั่นไหวสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องมือและการเคลื่อนไหวให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น โดยเขานำมาปรับใช้กับลิปติกเพื่อช่วยให้คนกลุ่มนี้แต่งหน้าได้ง่ายขึ้น

HAPTA จะเป็นเหมือนด้ามจับลิปสติก มาพร้อมระบบกันสั่นและตัวควบคุมการเคลื่อนไหวอัจฉริยะ มันสามารถหมุนได้ 360 องศา จากนั้นก็ตั้งมุมที่ต้องการเพื่อล็อกองศาที่ผู้ใช้แต่ละคนถนัดในการทาลิปสติก ภายในมาพร้อมแบตเตอรี่ในตัวสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 1 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

ชิ้นต่อมาคือ Brow Magic ที่ช่วยให้สาวๆสามารถเขียนคิ้วในรูปแบบที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ เปลี่ยนจากการเขียนด้วยมือมาใช้เครื่องพิมพ์ไปเลยค่ะ การใช้งานนั้นเราจะต้องสแกนใบหน้าของเราเองผ่านแอป Modiface ที่มี AI ในตัว เลือกรูปทรง ความหนาของคิ้วได้ตามต้องการ โดยแอปจะใช้ AR ซ้อนทับคิ้วที่เราเลือกบนใบหน้าของเรา

เมื่อเลือกแบบที่พอใจได้แล้วให้เอา Brow Magic ไปทาบตรงคิ้วจริงของเรา ซึ่งเครื่องนี้จะมีหัวพิมพ์ขนาดเล็ก 2,400 หัวที่สามารถหยดหมึกได้ 1,200 หยดต่อพื้นที่หนึ่งตารางนิ้ว เพื่อพิมพ์คิ้วตามแบบที่เลือกไว้ ซึ่งคิ้วนี้จะเป็นคิ้วแบบชั่วคราวสามารถล้างออกได้ด้วยนำยาล้งเครื่องสำอางทั่วไป ทาง L’Oréal Group คาดว่าอุปกรณ์ทั้งสองชิ้นนี้อาจจะเปิดตัวขายจริงภายในปีนี้

ข้ามมาดูฝั่งของ Johnson & Johnson กันบ้าง ปีนี้มีการเปิดตัวอาหารเสริมสำหรับผิวที่พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติภายใต้แบรนด์ Neutrogena โดยร่วมพัฒนากับ Nourished บริษัทด้านสารอาหารจากอังกฤษ

เขาใช้เทคโนโลยีมาช่วยประเมินสภาพผิวด้วย AI จากจุดต่างๆบนใบหน้ากว่า 100,000 จุดเพื่อวิเคราะห์ 2,000 คุณสมบัติของใบหน้า เพื่อให้รู้ว่าแต่ละคนขาดอะไรต้องบำรุงด้านไหน เช่น ขาดความชุ่มชื้น ริ้วรอย ขาดความสว่างใส

จากนั้นก็เลือกชั้นของอาหารเสริม วิตามินให้ตรงกับปัญหาซึ่งเลือกใส่ได้สูงสุดถึง 7 ชั้นออกมาด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ ซึ่งจ่วยแก้ปัญหาผิวของแต่ละคนได้ตรงจุด

ฝั่งของ Amorepacific เปิดตัว 2 นวัตกรรมใหม่น่าสนใจ ตัวแรกคือ Tonework เป็นแขนกลหุ่นยนต์ที่มี AI ในตัวมาช่วยในการเลือกสีและผลิตเครื่องสำอางให้เข้ากับแต่ละบุคคล โดย AI จะทำหน้าที่วิเคราะห์คุณสมบัติของใบหน้า จากนั้นก็ปรับส่วนผสมและสีให้เข้ากับแต่ละคน

ชิ้นต่อมาคือ Cosmechip ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยสร้างสกินแคร์โดยใช้ชิปที่ประกอบด้วยส่วนผสมต่างๆที่สามารถเก็บรักษาได้นาน ซึ่งเขาใช้เทคโนโลยี microfluidic channel เพื่อผสมสูตรต่างๆโดยใช้น้ำและวัตถุดิบต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ใช้จะทำการเลือกชิป เพื่อตามสภาพผิวและความชอบ