หลังจากที่ AWS เปิดให้บริการ Local Zone Bangkok ตั้งแต่ 20 ธันวาคมปีที่แล้ว ล่าสุดทางคุณพอล เฉิน, Head of Solutions Architech ได้ออกมาให้ข้อมูลอัปเดต พร้อมให้ข้อมูลเชิงเทคนิคและประเทศไทยจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง

Local Zone Bangkok นั้นเป็น 1 ใน 29 แห่งของ AWS Local Zone ที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก ซึ่งการเปิดให้บริการในไทยแสดงให้เห็นว่าเราคือหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักของ AWS จากเดิมที่ต้องใช้บริการเชื่อมต่อกับ Rigion Zone ที่ตั้งในสิงคโปร์
Local Zone Bangkok นั้นจะเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟเบอร์ที่เป็น backbone ของ AWS โดยมีความเร็วสูงถึง 100 Gb/s การที่ Local Zone มาอยู่ในประเทศไทยมีข้อดีคือ ทำให้ Cloud computing มาอยู่ใกล้เพื่อให้บริการได้อย่างรวดเร็ว ในความหน่วงที่ต่ำกว่า 10 มิลลิวินาที ซึ่งทางผู้บริหารบอกว่าความหน่วงนั้นอยู่ในเลขหลักเดียวเท่านั้น เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้และ end user
ปกติการสร้าง Data center เองมีความท้าทายหลายอย่าง ต้นทุน การดู การอัปเดตฮาร์ดแวร์/ซอฟท์แวร์ให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา รวมถึงต้องสร้างหลายจุดถึงจะทำให้เกิดการประหยัดต่อหน่วย (Economy of scale) แต่การมาของ AWS Local Zone จะช่วยลดข้อจำกัดเหล่านี้
ทาง AWS มองว่ากลุ่มลูกค้าหลักของ Local Zone นั้นมี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก เน้นเรื่องของ Latency-based ที่ต้องการความหน่วงต่ำ อย่างเช่น ผู้ให้บริการแอป, เกมออนไลน์, สตรีมมิ่ง โซเชียลมีเดียและเทเลคอม ที่ต้องรองรับผู้ใช้งานจำนวนมากพร้อมๆกัน
กลุ่มที่สองคือ Location-based ที่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ข้อมูล เพื่อให้ประมวลผลอย่างรวดเร็ว อย่างภาคการเงินการธนาคาร ภาครัฐ ที่มีข้อกำหนดทางกฎหมายที่ข้อมูลสำคัญๆต้องเก็บในประเทศ รวมถึงองค์กรที่มี workload ที่รันอยู่บน on-premises data center ของตัวเอง แต่ต้องการ Transform เป็น Hybrid ย้ายบริการบางส่วนไปอยู่บน Cloud ที่มีความหน่วงต่ำ

บริการที่ใช้งานได้
ตอนนี้ AWS มีบริการมากกว่า 200 บริการ ซึ่ง Local Zone Bangkok นั้นจะมี 6 บริการหลัก คือ
- Amazon EC2
- Amazon EBS ประเภท gp2
- Amazon EKS และ Amazon ECS เพื่อรัน container workload ใน Local Zone
- Amazon VPC
ในอนาคตหากมีผู้ใช้งานมากขึ้น ทาง AWS จะเพิ่มบริการอื่นๆมาอีกให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า

Local Zone Bangkok เป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนในไทยที่ AWS ประกาศลงทุนด้วยจำนวนเงิน 190,000 ล้านบาทต่อเนื่อง 15 ปี ช่วยผลักดันดิจิทัลอีโคโนมี่เพื่อสร้างให้ไทยกลายเป็น “AWS Asia Pacific (Bangkok) Region” ซึ่งจะประกอบด้วย Availability Zone 3 แห่ง แต่ละแห่งมีกลุ่ม Data center กระจายไป เพื่อให้ครอบคลุมบริการด้าน Cloud มากกว่า 200 บริการ เพื่อให้องค์กรต่างๆทั้งภาคธุรกิจ นักพัฒนา รวมถึงสตาร์ทอัพ สามารถรันแอปพลิเคชัน รวมถึงเก็บข้อมูลในไทยได้อย่างปลอดภัยในมาตรฐานระดับโลก
พัฒนาแรงงานฝีมือ
อีกเรื่องที่ทาง AWS ให้ความสำคัญคือ เพิ่มทักษะแรงงาน นับตั้งแต่ปี 2020 เทรนไปแล้ว 13 ล้านคนทั่วโลก โดยในปี 2025 ตั้งเป้าที่จะเทรนให้ได้ 29 ล้านคน นอกจากนั้นยังมีการฝีกอบรมด้าน Cloud โดยเฉพาะมาตั้งแต่ปี 2017
สำหรับคนที่สนใจอยากอัปสกิล รีสกิล ทาง AWS ก็มีโครงการต่างๆดังนี้ AWS Skill Builder คอร์สออนไลน์แบบ on demand เปิดให้ผู้ที่สนใจเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองตามเวลาที่สะดวก มีบทเรียนมากกว่า 500 บทเรียน โดยมีสอนภาษาไทยอยู่ 62 บทเรียน
AWS Education เปิดให้บุคคลที่สนใจ ไม่ว่าจะจบด้านไหนมา มีความรู้เชิงเทคนิคหรือไม่ก็สามารถเข้ามาเรียนรู้ได้ โดยเนื้อหาออกแบบมาให้เด็กตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไปเข้ามาเรียนได้
AWS Academy ที่จับมือกับศูนย์การเรียนรู้ โรงเรียนต่างๆ รวมถึงมหาวิทยาลัย ในการเตรียมพร้อมนักเรียนนักศึกษา พร้อมใบรับรองเมื่อผ่านหลักสูตร รวมถึงสร้างเทรนเนอร์ อาจารย์ไปถ่ยายทอดความรู้ต่อ