CEO แอปดังมาเอง !! ล่าสุดเจ้าของแอปดังจากจีนอย่าง TIKTOK โจวโซ่วจือ ถูกสภาคองเกรสเรียกไปให้ตอบคำถามเกี่ยวกับประเด็นว่าตัวแอปฯ มีการแทรกแทรงจากรัฐบาลจีน และยังส่งผลทำลายสุขภาพของเด็ก ๆ อีกด้วย ขอเท้าความก่อนว่าแอป TIKTOK เป็นของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ByteDance ซึ่งกฎหมายของจีนระบุไว้เลยว่าหากรัฐต้องการข้อมูลของบริษัทใด บริษัทนั้นก็จำเป็นต้องส่งให้ นั่นก็เลยเป็นประเด็นขึ้นมา หลังจากถกเถียงกันไปกันมา กว่า 5 ชม.

ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2566 – CEO TiKToK อย่าง โจวโซ่วจือ (Shou Zi Chew) ได้ให้การกับสภาคองเกรสสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเข้าแทรกแทรงของรัฐบาลจีนโดยการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งาน ทำให้ผู้คนชาวอเมริกันต่างวิตกกังวลถึงความปลอดภัยด้านข้อมูลส่วนบุคคลไปตาม ๆ กัน สาเหตุจากนโยบายและกฎหมายของประเทศจีนได้กำหนดไว้ว่า หากรัฐบาลต้องการข้อมูลของบริษัทใด ทางบริษัทนั้นจำเป็นต้องส่งข้อมูลให้ ซึ่งทางด้านบริษัทแม่ของ TikTok อย่าง ByteDance ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้านแอปฯ ได้เช่นกัน และยังมีข้อถกเถียงกันในประเด็นเกี่ยวกับการใช้งานแอปฯ ของเหล่าเยาวชนอีกด้วย

จากคำให้การของ โจวโซ่วจือ ก็ได้ข้อสรุปจากประเด็นสำคัญว่า ทางบริษัทฯ ไม่ได้ส่งหรือล้วงข้อมูลผู้ใช้งานบนแอปฯ ให้กับทางรัฐบาลจีนเลย และด้วยข้อสรุปประเด็นนี้ทางบริษัท tiktok ยังได้ทุ่มเงินมากกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จัดโครงการ Project Texas เพื่อรักษาข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐฯ อีกด้วย ส่วนในเรื่องของความปลอดภัยสำหรับเด็ก ๆ หรือเยาวชน ก็ได้ข้อสรุปว่า ทาง TikTok มีนโยบายลบเนื้อหาสุ่มเสี่ยงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นผู้ปกครองหลายคนสามารถไว้วางใจได้

แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้น ระหว่างการให้การกลางสภาคองเกรสสหรัฐฯ คือคำถามจากพรรคต่าง ๆ ที่ชวนฟังแล้วหัวจะปวดไปตาม ๆ กัน อย่างเช่นคำถาม “TikTok ต้องเชื่อมไวไฟบ้านไหม ?” หรือ ถามเจ้าของ TikTok ว่า “คุณรู้เกี่ยวกับระบบความปลอดภัยของแอปฯ จริงหรือเปล่า” ก็เรียกได้ว่า ทำเอา CEO เองก็งงไปตาม ๆ กัน ว่าสุดท้ายแล้วตกลงผมเป็นเจ้าของจริงรึเปล่า อย่างไรก็ตามก่อนจบการให้การในครั้งนี้นายโจวโซ่วจือ  ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “เราไม่ส่งเสริมหรือลบคอนเทนต์ตามคำร้องขอของรัฐบาลจีน” พร้อมเสริมว่า TikTok จะไม่ยอมถูกรัฐบาลของชาติใด ๆ ชักใยอีกด้วย 

นี่ก็เป็นบทสรุปที่น่าสนใจจากแอปฯ ดังอย่าง TikTok ที่เป็นประเด็นกันมาอย่างยาวนานในเรื่องของความปลอดภัย ถือว่าการให้การครั้งนี้จะไขข้อสงสัยไปได้อีกพักใหญ่เลย แต่ต้องรอดูกันว่าแอปฯดังจากจีนตัวนี้ จะมีเรื่องอะไรให้น่าติดตามกันอีก รออ่านต่อในกระทู้หน้า !

เครดิตภาพ : reuters