เริ่มแล้วกับงาน CTA 2023 festival ที่ Bitec บางนา ซึ่งงานเดียวรวมถึง 3 งานไว้ในที่เดียว โดยแบ่งธีมงาน 3 ที่ต่างกันโดยวันแรกนั้นเน้นเรื่องของการตลาดและ MarTech วันที่สองเรื่องการบริหารคน และวันสุดท้ายจะเน้นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์

ทางทีมงาน Dailygizmo ได้เข้าไปฟังในเซสชั่น Marketing Insights & technology Trends ปี 2023 โดยคุณสิทธินันท์ พลวิสุทธิ์ศักดิ์ ซีอีโอของ Content Shifu ก็เลยเก็บข้อมูลน่าสนใจมาฝากกันค่ะ
The Rise of AI and Automation
บิล เกตส์ บอกว่า AI จะมาปฎิวัติวงการเหมือนอินเทอร์เน็ตและสมาร์ตโฟน ซึ่งตอนนี้ AI ก็เข้ามามีบทบาทด้านการตลาดมากขึ้น จริงๆระบบ AI นั้นมีมานานแล้ว ส่วนใหญ่นั้นจะทำงานอยู่เบื้องหลัง วงการการตลาดก็ใช้งานหลายด้าน เช่น Social listening, Image recognition, Search Ranking เป็นต้น

ในปีที่ผ่านมาเราได้รู้จักกับ Generative AI อย่าง ChatGPT, Misjouney หรือ Bard ซึ่งมันพลิกกลับมาทำงานอยู่เบื้องหน้า ปฏิสัมพันธ์กับคน ทำให้เปลี่ยนรูปแบบการทำงานไอย่างสิ้นเชิง ทำได้ทั้งการเขียนบทความ สร้างรูปภาพ คลิปวิดีโอโดยที่เราไม่จำเป้นต้องมีความรู้เรื่องของการเขียนโค้ด
แต่ปัญหาที่ควรคำนึงถึงก็คือเรื่องของลิขสิทธิ์และความปลอดภัย เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า AI นั้นเอา Source ข้อมูลมาจากไหน หากเอาภาพที่มีลิขสิทธิ์มาใช้ก็ถูกฟ้องร้องได้ซึ่งในต่างประเทศนั้นมีเคสเกิดขึ้นจริงๆแล้ว นอกจากนั้นหลายองค์กรยังเป็นห่วงเรื่องของความปลอดภัย เพราะ AI ไม่รู้ว่าข้อมูลไหนสำคัญบ้าง อาจทำให้เกิดการหลุดรอดของข้อมูล อย่างซัมซุงเองก็ประกาศห้ามพนักงานใช้งาน เพราะเกรงว่าข้อมูลภายในจะรั่วไหนออกไป
ส่วนระบบ Automation สิ่งสำคัญคือการ Push Data ให้สามารถอัปเดตข้อมูลถึงกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบ One-way Push หรือ Two way sync เพื่อให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันได้สะดวกขึ้น
การล่มสลายของการเก็บข้อมูล 3rd Party
การเก็บข้อมูลลูกค้าทำได้ยากขึ้น เพราะการมาของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ก็ให้ความสำคัญการการติดตามผู้ใช้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Apple มีการออกฟีเจอร์ ATT ป้องกันการติดตามการใช้งานข้ามแอปหรือเว็บ โดยผู้ใช้จะต้องให้ความยินยอมก่อนถึงจะเก็บข้อมูลการใช้งานได้ ฝั่งของ Google เองก็เตรียมยกเลิกการใช้งาน Cookie ในเบราว์เซอร์ Chrome ในปี 2024

ทั้งหมดนี้ทำให้หลายๆองค์กรให้ความตื่นตัว หันมาเก็บข้อมูลด้วยตัวเองมากขึ้นทั้งเรื่องของ First Party Data ที่เก็บเอง เช่น ชื่อ ที่อยู่ อีเมล เบอร์โทรศัพท์ และ Zero-Party Data ที่ไม่ได้แชร์ข้อมูลกับใครอย่าง ความชื่นชอบ เพื่อนำไปใช้ติดตามลูกค้าต่อได้เอง
Going Beyond Typical Media
ในแง่ของการทำคอนเทนท์นั้น รูปแบบเดิมๆอย่างบทความ รูปภาพหรือคลิปวิดีโออาจจะไม่ได้ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้เหมือนเดิม ยิ่งตอนนี้ Generative AI มาทำคอนเทนท์เหล่านี้ได้แทนคนได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นนักการตลาดจะต้องพยายามพลิกแพลงคอนเทนท์ให้เหนือขึ้นไปอีก เพื่อเข้าถึงและปฏิสัมพันธ์กับเป้าหมายดีขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น การตลาดแบบ ___ to earn อย่างแอป Wirtual ที่เปิดให้ผู้ใช้ออกกำลังกาย เชื่อมต่อข้อมูลกับแอป เปลี่ยนการออกกำลังกายเป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อเอาไปแลกกับสินค้าและบริการต่างๆในชีวิตจริง ทำให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมกับแบรนด์ต่างๆมากขึ้น อีกตัวอย่างที่น่าสนใจก็คือ ช่วงเลือกตั้งที่สื่อต่างๆนั้นหันมาให้ข้อมูลแบบอินเทอร์แอคทีฟมากขึ้น
ส่วนคอนเทนท์อีกแบบที่มาแรงคือ Behide the scene ที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายสนใจมากขึ้น และสิ่งที่ไม่ควรลืมก็คือตคอนเทนท์ที่ผลิตออกมานั้นจะต้องสะท้อนคุณค่าของแบรนด์ด้วย
Martech is Marvelous
เครื่องมือด้านการตลาดพัฒนาขึ้นตามเทคโนโลยีที่อัปเกรดขึ้น ซึ่งตอนนี้มีเครื่องมือให้เลือกใช้มากกว่า 10,000 เครื่องมือแล้ว แต่ในไทยเองก็มีหลายรายตั้งแต่แบบฟรีจนไปถึงระดับพรีเมียมในแต่ละเป้าหมายการใช้งานที่ต่างกัน
บริษัทต่างๆเองก็ให้ความสำคัญมากขึ้น เพิ่มงบประมาณลงทุนใน MarTech มากขึ้น
สิ่งสำคัญว่าจะเลือกใช้เครื่องมือไหนต้องคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 3 ฝ่ายคือ ตัวแบรนด์เอง , บริษัท MarTech และ Consultants (Agency) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

Emerging Ads Platform
ปัจจุบันแพลตฟอร์ฒโฆษณานั้นไม่ได้มีแค่ YouTube, Google หรือ Facebook เท่านั้น แต่ยังมีแพลตฟอร์มเกิดใหม่มากมาย อย่างปีที่ผ่านมานั้นเหล่านักการตลาดนั้นหันไปลงโฆษณาใน TikTok เป็นอันดับแรก ส่วนอันดับที่สองคือ แพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสอย่าง Shopee/Lazada ส่วนอันดัมที่สามเป็นของ YouTube เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้มาแรง
นั่นจึงทำให้เกิด Creator Nation ใครๆก็สามารถลุกขึ้นมาทำคอนเทนท์ได้ ทำให้เราเห็นคอนเทนท์ในรูปแบบใหม่ๆและหลากหลายมากขึ้น ซึ่งแบรนด์หรือนักการตลาดเองก็ต้องมองหาช่องทางใหม่ๆอย่าง Affiliate Marketing หรือการตลาดแบบช่วยขาย ดึงคนเหล่านี้มาช่วยขายสินค้นด้วยการแปะลิงก์ไปในคอนเทนท์ เมื่อสินค้าขายได้ครีเอเตอร์ก็จะได้รับส่วนแบ่งไปด้วย
ตัวแบรนด์เองก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งแต่อินฟลูฯ อย่างเดียว สามารถลุกขึ้นมาเป็นครีเอเตอร์ได้เหมือนกัน อย่าง เนื้อแท้ หรือ Tops ที่มักจะหยิบจับเรื่องราวที่เป็นกระแสในช่วงเวลานั้นๆมาทำคอนเทนท์เพื่อสร้างความสนใจ

Basic is Still Classic
สุดท้ายคือเรื่องของพื้นฐานก็ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด นักการตลาดต้องรู้จักตัวเองให้ดีก่อน ว่าเราเป็นใคร จุดแข็งจุดอ่อนของสินค้าเราคืออะไร ใครคือลูกค้าของเรา ลูกค้าเราต้องการอะไร แม้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปไวแค่ไหนก็ตาม แต่สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำคัญจะทำให้เราปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงต่างๆได้ เทคโนโลยีเป็นแค่ตัวช่วยเท่านั้น