เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วกับ Robinhood Ride แอปเรียกรถน้องใหม่ หลังจากที่ก่อนหน้าที่เปิดทดสอบแบบจำกัดพื้นที่

Robinhood Ride คือบริการเรียกรถแบบถูกกฎหมายในไทย ที่พัฒนาเพื่อช่วยแก้ปัญหาเรียกรถทั้งฝั่งผู้โดยสารและคนขับ โดยต่อยอดจากแพลตฟอร์ม Robinhood ที่มีฐานผู้ใช้ 3.7 ล้านคน มีร้านอาหารเข้าร่วมกว่า 300,000 ร้าน มีไรเดอร์ในระบบกว่า 30,000 คน ซึ่งมีการเพิ่มบริการใหม่มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ Robinhood Travel บริการด้านท่องเที่ยวครบวงจร จองที่พัก สายการบิน, Robinhood Mart บริการสั่งซื้อของสดของใช้ จากร้านค้ารายใหญ่รายย่อย และ Robinhood Express บริการส่งพัสดุ/เอกสาร

เป้าหมายหลักของ Robinhood Ride คือ การแก้ปัญหา Painpoint จากการเรียกรถ ราคาแพงขึ้นในช่วงเวลาเร่งด่วน , คนขับโดยหักค่าคอมสูง จนไปถึงการติดต่อ Call center ยากมากเวลาที่เจอปัญหา
ตอนนี้ Robinhood Ride มีรถในระบบประมาณ 4,500 คัน มีทั้งแท็กซี่ รถบ้านและรถประเภทอื่นๆ ซึ่งในช่วงแรกนั้นยังไม่มีให้บริการเรียกมอเตอร์ไซค์เพราะต้องการแก้ Pain point เรื่องการเรียกรถสี่ล้อก่อน จากนั้นค่อยขยายไปยังรถประเภทอื่นๆ Robinhood Ride จะมีรถที่ให้บริการในระบบจะมีทั้งหมด 8 ประเภท คือ
- รถแท็กซี
- รถยนต์ไฟฟ้า
- รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม
- รถยนต์ทั่วไป
- รถยนต์พรีเมียม
- รถยนต์ทั่วไปคนขับผู้หญิง
- รถยนต์พรีเมียมคนขับผู้หญิง
- รถยนต์ขนาดใหญ่สำหรับคนที่มีสัมภาระ
ในกรณีที่นำรถบ้านมาให้บริการคนขับต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมายก่อน คือ คนขับต้องมีใบขับขี่สาธารณะ เปลี่ยนเล่มทะเบียนสีฟ้าเป็นเล่มทะเบียนรถสาธารณะ
ชูจุดเด่นราคาเป็นธรรม ทั้งผู้โดยสารและคนขับ
ในช่วงแรกนั้นจะให้บริการในพื้นที่กทม.และปริมลฑลก่อน โครงสร้างของราคาค่าโดยสารนั้นจะเป็นไปตามเกณฑ์ของกรมขนส่งทางบก ซึ่งในช่วงเวลาเร่งด่วน ฝนตกรถติดจะไม่มีการบวกเพิ่ม (ในกรณีที่รถเคลื่อนตัวช้า รถติดการคิดราคาจะเป็นไปตามเกณฑ์ของกรมขนส่งทางบก โดยเพดานสูงสุดจะไปเกิน 1 เท่าของค่าโดยสาร)
ทาง Robinhood Ride มองว่า คนขับคือหัวใจสำคัญของแพลตฟอร์ม ซึ่งจะมีการฝึกอบรมคนขับก่อนให้บริการ ฝั่งของคนขับเองนั้นจะมีการคิดค่าคอมมิชชัน 20% ซึ่งน้อยกว่าคู่แข่งที่คิดอยู่ที่ 25-30% ในกรณีที่เป็นแท็กซี่ก็จะคิดแค่ 20 บาทค่าใช้แพลตฟอร์ม นอกจากนั้นคนขับยังไม่จำเป็นต้องเติมเครดิตก่อนรับงาน เพราะระบบของ Robinhood Ride นั้นไม่ได้รับเงินสด ทำให้ไม่ต้องหักเงินในระบบเป็นค่าคอมในกรณีที่ผู้โดยสารจ่ายเป็นเงินสด
ส่วนด้านการให้บริการนั้นก็จะมีการสร้างความอุ่นใจให้ผู้โดยสารด้วยประกันเหตุด่วนเหตุร้าย ในช่วงเวลา 22.00 – 4.00 น. พร้อม Call Center ที่สามารถติดต่อได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งเขาเตรียมทีมใหม่ถึง 100 คนทีเดียว

เป้าหมายในปีนี้จะขยายจำนวนรถในระบบให้เป็น 10,000 คัน โดยมีการใช้บริการอย่างน้อย 12,000 ครั้งต่อวัน จากนั้นจะก้าวขึ้นสู่ Top3 ในหมวดหมู่แอปเรียกรถภายใน 3 ปีโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาด 30% จากที่ตอนนี้มีคู่แข่งในตลาดราวๆ 5-6 แอป
ส่วนในไตรมาส 4 นั้นจะมีการเปิดให้บริการใหม่ Robinhood Finance ซึ่งจะเป็น Nano Finance ปล่อยกู้ให้กับไรเดอร์ก่อน จากนั้นจะขยายไปยังร้านค้าบนแพลตฟอร์มเพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งตอนนี้ได้ใบอนุญาตเรียบร้อยแล้ว อีกบริการคือ Robinhood EV บริการเช่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ไรเดอร์และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว