ครั้งแรกในไทยกับงาน LINE Conference ที่ยกจากญี่ปุ่นมาจัดในไทย ลองไปดูวิสัยทัศน์ รวมถึงไลน์จะมีนวัตกรรมและมีฟีเจอร์อะไรใหม่ๆให้คนไทยได้ใช้งานเพื่อให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นบ้าง
งานในครั้งนี้ยัง LINE คงแนวพันธกิจ Closing The Distance ที่ไม่ใช่แค่ปิดช่องว่างการสื่อสารเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงผู้ใช้ บริการ ภาคธุรกิจและข้อมูลต่างๆเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างบริการที่คนไทยต้องการใช้งานจริงๆด้วย พร้อมก้าวเข้าสู่ แพลตฟอร์มเปิดเพื่อคนไทย เปิดให้นักพัฒนาและธุรกิจสามารถเข้ามาเชื่อมต่อคิดค้นบริการใหม่ๆที่ช่วยให้คนใช้ชีวิตได้ดีขึ้น สร้างโอกาสใหม่ๆที่เปิดกว้างมากขึ้น
“เปิดโอกาส” สู่อนาคตแห่งนวัตกรรมด้วยเทคโนโลยี Hyper-localized
ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE ประเทศไทย เปิดเผยว่า กว่า 12 ปีที่ LINE ประเทศไทยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน ภายใต้พันธกิจ “Closing the Distance” ผ่านแพลตฟอร์มและบริการที่มีผู้ใช้งานกว่า 54 ล้านคน ตอกย้ำการเป็นโครงสร้างพื้นฐานชีวิตในยุคดิจิทัล (Life Infrastructure) พร้อมผลักดันจุดแข็งแห่งการมีทีมนักพัฒนาประจำประเทศไทย ที่จะเป็นบันไดสู่อนาคตขั้นถัดไปของนวัตกรรมในการขับเคลื่อน Smart Country ด้วยเทคโนโลยี Hyper-Localized เพื่อ “เปิดโอกาส” ให้คนไทยเติบโตในยุคดิจิทัลได้ในหลากหลายมิติอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ปีนี้ LINE เน้นหนักเรื่องจุดแข็งของตัวเองในเรื่องของแชท โดยเฉพาะด้านของ Group Chat ที่มีการใช้งานเติบโตถึง 56% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้การสื่อสารดีขึ้น การทำงานเร็วขึ้น
ซึ่งพฤติกรรมของคนไทยนั้นมีข้อมูลน่าสนใจหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่คนไทยนิยมส่งรูปภาพ ไฟล์ เสียง และวิดีโอ สูงกว่าประเทศอื่น นอกจากนั้นคนไทยยังสร้าง Group Chat สำหรับแยกการสื่อสารหลายกลุ่มทั้งเพื่อน ครอบครัว การทำงานโดย กลุ่มการทำงานนั้นจะเยอะสุดโดยคนไทยจะมีกรุ๊ปสำหรับทำงานเฉลี่ยคนละ 9 กลุ่ม รองลงมาคือกลุ่มเพื่อนเฉลี่ย 7 กลุ่ม
ในส่วนของกลุ่มครอบครัวเอง มีผลสำรวจผลว่าการตั้ง Group Chat จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นโดยกลุ่มวัยรุ่ยจะเป็นกลุ่มที่แอคทีฟมากที่สด รองลงมาคือผุ้สูงอายุ
ซึ่ง LINE เองจะเน้นพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ให้เกิดสมดุลในการทำงาน การใช้ชีวิตและครอบครัวไปพร้อมกัน โดยมีการตั้งทีมพัฒนาฟีเจอร์สำหรับทำงานโดยเฉพาะ ตัสอย่างฟีเจอร์ใหม่ที่เผยรายละเอีดเบื้องต้นมากก็มี อายุของการเก็บไฟล์ การ matching เวลาว่างสำหรับนัดหมาย การเพิ่ม Chatbot Market เปิดให้นักพัฒนาสร้างแชทบอทเข้ามาปลัีกอินกับไลน์ได้ เป็นต้น
ส่วนคนที่ชอบใช้งานสติกเกอร์ก็มีบริการใหม่ตอนนี้มีบริการใหม่ชื่อว่า LINE Stickers Premium เปิดให้เราจ่ายค่าบริการรายเดือนหรือรายปี โดยแพคเกจแบบพื้นฐานสามารถใช้งานสติกเกอร์กว่า 9,000,000 สติกเกอร์ได้แบบไม่จำกัด พร้อมมี AI คาดการณ์สติกเกอร์ที่เราอยากส่งจาก ลายเส้นและสติกเกอร์ที่เราเคยส่งก่อนหน้านี้ ค่าบริการอยู่ที่เดือนละ 69 บาท หรือปีละ 699 บาท นอกจากนั้นยังมีแพคเกจแบบ Deluxe เดือนละ 139 บาท หรือปีละ 1,300 บาท ซึ่งจะได้ใช้งานธีม 1.5 ล้านธีมและอีโมจิอีก 120,000 อีโมจิเพื่มเข้ามาให้เลือกใช้งาน
เปิดวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยีแห่งปีครั้งแรกของ LINE ประเทศไทย
นายวีระ เกษตรสิน รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ (CPO) กล่าวว่า LINE ประเทศไทยเล็งเห็นความสำคัญในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะองค์กรเทคฯ เพื่อคนไทย โดยในช่วง 5 ปีจากนี้ LINE จะมุ่งสู่การเป็น “แพลตฟอร์มเปิด” ที่พร้อมเปิดรับการเชื่อมต่อกับหลากหลายเทคโนโลยีนำสมัย นำมาซึ่งผลิตภัณฑ์และบริการที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทย ทั้งในด้านผู้ใช้งาน ธุรกิจ และพันธมิตร โดยอาศัยแนวคิดตั้งต้นจากทีมงาน LINEประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสำหรับตลาดไทยโดยเฉพาะ ผ่าน 4 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่
1. Extensive Plug-Ins เปิดการเชื่อมต่อกับระบบหรือโซลูชั่นอื่น ๆ อย่างหลากหลาย ทั้งโซลูชั่นที่คิดค้นเพิ่มเติมโดย LINE เอง และระบบที่พาร์ทเนอร์หรือนักพัฒนาทั่วไปได้พัฒนาขึ้นมา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ชาวไทยในมิติที่กว้างและลึกขึ้น
2. Data Utilization ส่งเสริมให้พันธมิตรและนักพัฒนาสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพอย่างไร้รอยต่อ นำไปสู่การใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตได้อย่างแท้จริง
3. Performance Marketing เพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาดบนแพลตฟอร์ม ด้วยศักยภาพการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลที่แข็งแกร่งขึ้น สร้างการเติบโตให้ภาคธุรกิจผ่านโซลูชั่นต่าง ๆ ของ LINE ได้อย่างยั่งยืน
4. Privacy Focused คงไว้ซึ่งการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อย่างเคร่งครัด
ปู 3 โร้ดแมป ยกระดับเทคโนโลยี
1. Customer Data Tools เพิ่มขีดความสามารถในจัดการข้อมูลลูกค้าผ่านเครื่องมือMyCustomer ในการเก็บรวบรวม 1st Party Data ของผู้บริโภค โดยให้อำนาจร้านค้าในการเข้าถึงและจัดการข้อมูลได้มากกว่าที่เคย ภายใต้ขอบเขตการยินยอมจากผู้บริโภคตามกฎหมาย โดยมีแผนการเปิดตัว MyCustomer สำหรับกลุ่มธุรกิจรายย่อย (SME) และในอนาคต สำหรับกลุ่มธุรกิจที่ต้องการบริหารจัดการข้อมูลเพื่อการทำ CRM โดยเฉพาะ
2. Ads Improvement ปรับปรุงเครื่องมือสำหรับการโฆษณาบน LINE ให้สามารถวิเคราะห์ ประยุกต์ใช้ข้อมูลที่แบรนด์ได้มาเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น อาทิ การเพิ่ม Segment ในการหากลุ่มเป้าหมายผ่าน Persona Targeting ให้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น และการเปิดให้ภาคธุรกิจ ร้านค้า สามารถนำข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคบน LINE SHOPPING มาวิเคราะห์แบ่งกลุ่ม เพื่อการยิงโฆษณาผ่าน LINE ADS ได้แม่นยำและครอบคลุมขึ้นกว่าเดิม เป็นต้น
3. API & Plug-In เปิดขยายการเชื่อมต่อ API ให้มีความหลากหลายและตอบโจทย์เฉพาะด้านได้อย่างครอบคลุมขึ้น อาทิ LINE SHOPPING API, Messaging API รวมถึงแผนการเปิดตัว LINE OA Plus Plug-in Store แหล่งรวมโซลูชั่นสำหรับนักพัฒนานอกองค์กร LINE ในการนำเสนอโซลูชั่นใหม่ ๆ และยังเป็นโอกาสสำหรับภาคธุรกิจไทย ในการมองหาโซลูชั่นให้ตรงกับความต้องการ
LINE ประเทศไทยมุ่งเน้นพัฒนาโซลูชั่นและบริการต่าง ๆ ให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะด้านของคนไทย ผ่านโอกาสที่เปิดกว้างบน LINE ให้นักพัฒนาทั้งในและนอกองค์กรได้มีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์มเปิดแห่งนี้ สู่การขับเคลื่อนประเทศ พร้อมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตผู้คนด้วยเทคโนโลยีอย่างไร้ขีดจำกัด