เรียกว่าปีนี้ Samsung ประกาศเอาจริงเรื่อง AI หลังจากที่เตรียมเปิดตัวสมาร์ตโฟน Galaxy AI ในเดือนนี้ ล่าสุดในงาน CES 2024 ทางผู้บริหารก็ขึ้นเวทีเผยวิสัยทัศน์ ‘AI for All’ ว่าต่อไป AI จะมีบทบาททำให้ผู้ใช้มีชีวิตที่สะดวกสบายได้อย่างไร

จองฮีฮัน รองประธานประธานเจ้าหน้าที่บริหารและหัวหน้าฝ่าย DX ของซัมซุง ขึ้นเปิดงานพร้อมโชว์ว่า ” AI จะทำงานอยู่เบื้องหลังในอุปกรณ์หรือบริการต่างๆเพื่อให้ไม่รบกวนการใช้งาน เน้นมาช่วยเพิ่มประสบการณ์การเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีประโยชน์และใช้ชีวิตได้ง่ายยิ่งขึ้น
การมาของ AI จะช่วยสร้างนิยามใหม่ของชีวิตที่สมาร์ทขึ้นและดียิ่งขึ้น พร้อมเปิดกว้างความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อส่งมอบและเชื่อมต่อ AI ไปสู่ผู้บริโภคทุกคน”

จอภาพและเครื่องใช้ไฟฟ้า AI มอบประสบการณ์ใหม่ให้กับบ้าน
AI จะมาช่วยเปลี่ยนการใช้งานจอภาพและเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เริ่มตั้งแต่ทีวี Neo QLED 8K QN900D ที่มีชิป NQ8 AI Gen 3 พร้อม AI ในตัว ช่วยเพิ่มความละเอียดของคลิปความละเอีดยดต่ำให้กลายเป็น 8K, .ใช้ AI เพิ่มความคมชัดของภาพที่เคลื่อนไหวเร็วๆ จนไปถึงใช้ AI แยกเสียงพูดกับเสียงฉากหลังทำให้สนุกไปกับคอนเทนท์ต่างๆได้สมจริง ส่วนระบบปฏิบัติการเป็น Tizen OS Home สามารถให้คำแนะนำ เสนอแอป บริการแะลคอนเทนต์ได้เป็นรายบุคคล
ต่อมาคือการใช้ AI มาช่วยผู้ชมที่มีความแตกต่างกัน เช่น ฟีเจอร์ภาษามือสำหรับคนที่มีปัญหาทางการได้ยิน จนไปถึง AI เปลี่ยนซับเป็นเสียงพูดแบบ Real-time สำหรับคนที่มีปัญหาทางการได้ยิน

ส่วน Ballie หุ่นยนต์ AI ทรงกลมกลิ้งได้ ที่เปิดตัวครั้งแรกในงาน CES 2020 มีการอัปเกรดครั้งใหญ่ ให้เป็นเพื่อนคู่ใจ ที่สามารถโต้ตอบกับสมาร์ทดีไวซ์อื่นเพื่อนำเสนอบริการต่างๆ ทั้งการแสดงผลภาพหรือวิดีโอต่างๆ บนผนัง ช่วยให้ผู้ใช้ทราบข้อมูลในชีวิต ประจำวัน ทั้งสภาพกาศหรือข้อมูลที่จำเป็นไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน

ฝั่งของเครื่องใช้ไฟฟ้า ปีนี้เราจะเห็นตู้เย็น Bespoke 4-Door Flex™ พร้อม AI Family Hub™+ ที่มีหน้าจอขนาด 32 นิ้ว ซึ่งด้านในจะฝัง AI Vision Inside โดยกล้องภายในจะทำหน้าที่ตรวจจับวัตถุดิบ แบ่งแบกได้ถึง 33 ชนิด พร้อมแนะนำสูตรอาหารที่ทำจากวัตถุดิบเหล่านั้นให้สำหรับคนที่ไม่อยากทานเมนูเดิมซ้ำๆ นอกจากนั้นใครที่ชอบซื้อของตุนไว้ยังตั้งวันหมดอายุได้ พออาหารใกล้จะเสีย AI จะเตือนบนจอทันทีทำให้ลด Food waste ได้
ส่วนเตาอินดักชั่น Anyplace ยังใส่ AI แนะนำสูตรอาหารที่บันทึกไว้ใน Samsung Food จะส่งมาที่หน้าจอขนาด 7 นิ้ว ของเตาให้ผู้ใช้ทำอาหารได้สะดวกขึ้น

นอกจากนั้น AI ยังจะไปอยู่ในเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น
- new Bespoke AI Laundry Combo ที่มีหน้าจอ LCD ขนาด 7 นิ้ว AI Hub ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมการซักและอบผ้า โดย AI จะจดจำและเรียนรู้การใช้งานของเรา เพื่อให้คำแนะนำในการทำงานได้
- หุ่นยนต์ดูดฝุ่นและถูพื้น Bespoke Jet Bot Combo™ ใช้ AI ตรวจจับและแยกแยะวัตถุที่พื้นได้มากขึ้น ตรวจจับที่ว่างและคราบสกปรกต่างๆ รวมถึงตรวจจับชนิดของพื้นและความยาวของพรม ก่อนจะปรับตั้งค่าต่างๆ ให้เหมาะสมได้เอง
ซัมซุงนำเสนอแล็ปท็อป Galaxy Book ที่พร้อมรองรับ AI ได้ดีที่สุด
ซัมซุงมุ่งร่วมมือกับ Microsoft เปิดตัวแล็ปท็อป Galaxy Book4 ที่มาพร้อม Microsoft Copilot หรือผู้ช่วย AI อัจฉริยะที่มีฟีเจอร์หลากหลาย ช่วยเชื่อมต่อแล็ปท็อป Galaxy Book4 กับสมาร์ทโฟนกาแล็คซี่ให้ทำงานได้ร่วมกันอย่างไร้รอยต่อ Microsoft Copilot สามารถค้นหา อ่าน และสรุปข้อความจากสมาร์ทโฟนและช่วยสร้างและส่งข้อความในนามของผู้ใช้ได้จาก PC แล็ปท็อปยังสามารถใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ในสมาร์ทโฟนและเข้าถึงแอปต่างๆ รวมถึงข้อมูลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและอัจฉริยะยิ่งขึ้น
Galaxy Book4 ยังสามารถเปลี่ยนกล้องคุณภาพสูงของสมาร์ทโฟนกาแล็คซี่เป็น PC webcam เพื่อการวิดีโอคอลหรือใช้งานกับแอปประชุมออนไลน์ต่างๆ ให้ผู้ใช้สามารถสลับกล้องหน้าและหลังได้อย่างอิสระเพียงคลิกจากบน PC และยังสามารถใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ของกล้องในสมาร์ทโฟน เช่น การเบลอฉากหลังหรือออโต้เฟรมมิ่งเพื่อช่วยโฟกัสผู้พูดไม่ว่าจะในสถานการณ์ใด โดยฟีเจอร์การเชื่อมต่อ ที่กล่าวทั้งหมดข้างต้นจะใช้งานได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป
นอกจากนี้ Galaxy Book4 สามารถจับคู่กับอุปกรณ์กาแล็คซี่อื่นๆ นอกเหนือจากสมาร์ทโฟน เช่น แท็บเล็ต Tab S9 Ultra เพื่อใช้เป็นหน้าจอ อีกหน้าจอหนึ่ง หรือรับฟังเสียงที่คมชัดจากหูฟัง Galaxy Buds2 Pro เพราะ Galaxy Book4 ออกแบบเพื่อมอบประสบการณ์ PC ที่ดีที่สุด
เชื่อมต่อผู้ใช้กับอุปกรณ์ให้ดีขึ้นด้วยแนวคิดความฉลาดด้าน Spatial Intelligence
แจยองจุง รองประธานบริหารและหัวหน้าทีม SmartThings กล่าวถึงวิธีใหม่ๆ AI จะเชื่อมโยงผู้ใช้กับอุปกรณ์ได้ดีขึ้น รวมถึงวิสัยทัศน์ใหม่ของ SmartThings นั่นคือ ยิ่งผู้ใช้ใช้อุปกรณ์ของซัมซุงร่วมกันมากขึ้น อุปกรณ์ต่างๆ จะฉลาดมากขึ้น และอุปกรณ์เหล่านี้จะเข้าใจและช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้มากยิ่งขึ้น
แนวคิด Spatial AI จะช่วยให้อุปกรณ์ต่างๆ รับรู้พื้นที่อยู่อาศัยและกิจวัตรประจำวันของผู้ใช้ จึงสามารถมอบประสบการณ์การจัดการบ้านแบบเฉพาะตัวได้มากขึ้น SmartThings ใช้ LiDARในอุปกรณ์ต่างๆ อย่าง หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเพื่อสร้างผังห้องแบบดิจิทัล ช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบสถานะและตำแหน่งของอุปกรณ์ต่างๆ ได้ ตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป SmartThings จะอัปเกรดคุฟีเจอร์มุมมองแผนที่ 3D ให้กับสมาร์ทโฟนและสมาร์ททีวีของซัมซุงเพื่อประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผู้ใช้สามารถเพิ่มสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนเข้าสู่ SmartThings Ecosystem ได้โดยใช้คิวอาร์โค้ด ทุกคนจึงสามารถสร้างระบบการทำงานแบบกิจวัตรของตนได้
SmartThings จะใช้สมาร์ทเซนเซอร์และ AI เพื่อตรวจจับสถานการณ์ผิดปกติ เช่น การพลัดตก และแจ้งเตือนไปยังผู้ดูแลหรือสมาชิกในครอบครัวที่ตั้งค่าไว้ ผู้ใช้ยังสามารถติด Galaxy SmartTag2 ไว้กับปลอกคอหรือสายจูงเพื่อใช้ติดตามสัตว์เลี้ยงและจัดเก็บข้อมูลของสัตว์เลี้ยงแบบดิจิทัล
ฝั่งของ Bixby มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ด้าน AI Bixby สามารถส่งคำสั่งไปยังอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับคำสั่งนั้นที่สุดโดยอ้างอิงจากตำแหน่งและกิจกรรมของผู้ใช้ เทคโนโลยีหลักๆ Multi Device Wakeup และโปรโตคอลการสื่อสารที่ทำงานร่วมกันได้ ช่วยให้ Bixby ฟังคำสั่งได้โดยใช้อุปกรณ์ทุกชิ้นในห้องแต่จะทำตามคำสั่งโดยใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมที่สุด เช่น หากผู้ใช้ดูกำลังคลิปสูตรอาหารในห้องครัวโดยใช้ Family Hub™ เมื่อผู้ใช้สั่งว่า “Bixby! เปิดเพลง!” เพลงจะเล่นจากสมาร์ท สปีกเกอร์ แต่คลิปสูตรอาหารจาก Family Hub™ จะเล่นต่อไป
สมาร์ททีวีที่มีบริการ Samsung Daily+ จะค่อยๆ เป็นศูนย์กลางของระบบสมาร์ทโฮม และช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงบริการต่างๆ เพิ่มเติมอีกมาก รวมถึงบริการวิดีโอคอลผ่าน ConnecTime เพื่อขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์แบบออนไลน์ หรือการตรวจจับการออกกำลังกาย ซึ่งจะบันทึกข้อมูลการออกกำลังกายที่โอนมาจากสมาร์ทวอชได้ ในโอกาสนี้ ซัมซุงยังนำเสนอบริการ Samsung Now+ ใหม่ซึ่งจะแสดงข้อมูลบ้านของผู้ใช้ เช่น สภาพอากาศ ภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งแสดงผลได้แม้ไม่ได้เปิดทีวี ผู้ใช้สามารถเรียกดูข้อมูลได้ด้วยการสั่งการผ่านเสียงผ่าน SmartThings
ให้บ้านและรถใกล้ชิดกันมากขึ้นด้วยเทคโนโลยี Home-to-Car
ซัมซุงประกาศความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เริ่มต้นจากการร่วมมือกับ Hyundai Motor Group โดยได้ลงนามบันทึกความเข้าใจและประกาศความร่วมมือก่อนหน้างาน CES 2024 แล้ว ภายใต้ข้อตกลงนี้ ผู้ใช้จะเข้าถึงบริการทั้งแบบ Home-to-Car และ Car-to-Home ได้ผ่านการเชื่อมต่อโดยใช้ SmartThings
แฮยัง ควอน หัวหน้าศูนย์พัฒาระบบอินโฟเทนเมนต์และทีมย่อยด้านการประยุกต์ใช้ระบบ SDV ของฮุนไดมอเตอร์ กล่าวถึงความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ว่า “เทคโนโลยี SDV ของฮุนไดช่วยให้ SmartThings ทำงานได้กับรถยนต์ฮุนได เกีย และ เจเนซิสผ่านแอป พวกเราทุกคนที่ฮุนไดมอเตอร์กรุ๊ปรู้สึกยินดีที่ได้สานความร่วมมือกับซัมซุง และเรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้นำเสนอคุณสมบัติใหม่ๆ สู่รถของคุณผ่านระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะ”
SmartThings ช่วยให้ผู้ใช้สั่งการด้วยเสียงเพื่อทำสิ่งต่างๆ ในรถ เช่น สั่งเปิดฮีตเตอร์ล่วงหน้า หรือเปิดและปิดหน้าต่าง การเชื่อมต่อผ่าน SmartThings ยังช่วยให้ผู้ใช้สั่งการสมาร์ทดีไวซ์ในบ้านได้จากรถยนต์เช่นกัน เช่น ผู้ใช้สามารถสั่งเปิดหรือปิดประตูโรงรถได้โดยอ้างอิงจากตำแหน่งของรถ รวมไปถึงการปรับอุณหภูมิในบ้าน ทุกสิ่งที่กล่าวนี้สามารถทำงานได้โดยใช้การสั่งการด้วยเสียง
ยิ่งไปกว่านี้ ซัมซุงยังคงสานต่อความร่วมมือกับฮาร์แมนซึ่งเป็นพันธมิตรมาอย่างยาวนาน เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ โดยมิเชลล์ กัตตูโซ่ รองประธานฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของฮาร์แมน กล่าวถึงความร่วมมือของทั้ง 2 บริษัทที่จะสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ว่า “ความเป็นผู้นำในธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านของซัมซุงและความเชี่ยวชาญด้านยานยนต์ของฮาร์แมนช่วยสรรสร้างเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่าง Ready Care, Ready Vision and Ready Display อย่างไรก็ดี สิ่งที่เราทำร่วมกับซัมซุงนั้นจะผสานเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น ซัมซุงและฮาร์แมนจะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างประสบการณ์ให้ห้องโดยสารรถยนต์ที่ดียิ่งกว่าที่เคย”

HARMAN Ready Care เน้นความปลอดภัยของผู้ขับขี่ จะใช้ AI ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของผู้ขับขี่และความตื่นตัวของร่างกาย ก่อนจะให้คำเตือนและข้อแนะนำเฉพาะบุคคล แถมระบุได้ว่าผู้โดยสารเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก และควบคุมการปล่อยถุงลมนิรภัยให้เหมาะสม
นอกเหนือจากนี้ Ready Vision นำเสนอหน้าจอบนกระจกหน้าโดยใช้เทคโนโลยี AR ในระยะสายตาของผู้ขับขี่ในสถานการณ์ที่ผู้ขับขี่ต้องการ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงแผนที่ที่จะอัพเดทตามเส้นทางต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ และรับคำแนะนำเส้นทางที่เร็วที่สุดหรือเส้นทางที่สามารถจอดแวะดื่มกาแฟได้ อีกหนึ่งระบบจากฮาร์แมน คือ Ready Upgrade เป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถอัพเดทอาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของรถได้อย่างต่อเนื่อง ให้รถยนต์ทันสมัยอยูเสมอและใช้งานได้นานขึ้น
ซัมซุงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในทุกอุปกรณ์
ซัมซุงตระหนักดีว่าความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในยุคปัญญาประดิษฐ์และยุคที่อุปกรณ์ต่างๆ เชื่อมต่อแบบเชิงลึก ชินเบี๊ยกจากทีมความปลอดภัยของอุปกรณ์มือถือ กล่าวถึงโซลูชั่นความปลอดภัยในฐานะรากฐานของยุคที่ทุกสิ่งเชื่อมต่อกันแบบเชิงลึก

- Samsung Knox Matrix สามารถเข้ารหัสข้อมูลแบบ end to eend ทั้งในสมาร์ทโฟนและสมาร์ททีวีหลายรุ่น ช่วยให้อุปกรณ์ช่วยตรวจสอบกันเองเพื่อระบุและแยกแยะภัยคุกคามความปลอดภัย
- Knox Vault ที่ช่วยปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ในอุปกรณ์ของซัมซุงที่ได้รับความนิยมบางรุ่นได้รับการยกระดับให้ใช้งานได้ในอุปกรณ์ที่รองรับ SmartThing เช่น Neo QLED TV ยิ่งไปกว่านี้ ความร่วมมือระหว่างซัมซุงกับบริษัททางเทคโนโลยีชั้นนำต่างๆ ช่วยให้ผู้ใช้รักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวมากขึ้นโดยยังสอดรับความต้องการเฉพาะของผู้ใช้แต่ละคนด้วย
ซัมซุงเลือกใช้วัสดุอย่างรับผิดชอบต่อโลก ฟังก์ชั่นเพื่อการจัดการพลังงาน และฟีเจอร์ที่เอื้อกับผู้พิการ
อินฮีชุง รองประธานศูนย์ความยั่งยืนองค์กรของซัมซุง กล่าวเน้นถึงแผนของซัมซุงด้านแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ส่วนหนึ่งของแผนเหล่านี้คือการใช้วัสดุรีไซเคิลจำนวนมากยิ่งขึ้นในผลิตภัณฑ์ ทั้งการใช้พลาสติกรีไซเคิลจากตาข่ายดักปลาที่เสื่อมสภาพในผลิตภัณฑ์กาแล็คซี่ รวมถึงการใช้พลาสติกรีไซเคิลในทีวี และอลูมิเนียมรีไซเคิลในตู้เย็น Bespoke ยิ่งไปกว่านี้ บริษัทฯ ยังนำเสนอบริการ Certified ReNewed ในสหรัฐฯ และบางประเทศในยุโรปเพื่อจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนรีเฟอร์บิช อีกทั้งยังมีโครงการกาแล็คซี่อัพไซคลิง ให้ผู้บริโภคสามารถนำสมาร์ทโฟนของตนมาใช้ซ้ำหรือปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์การใช้งานได้อย่างสร้างสรรค์ ซัมซุงยังวางแผนจะยกระดับแนวคิดรีไซเคิลและอัพไซเคิลไปอีกขั้นในอนาคต
ซัมซุงยังใช้ AI เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ มีความยั่งยืนมากขึ้น อาทิ ใช้ควบคุมการใช้พลังงานของอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยใช้ SmartThings Energy Mode ซึ่งจะปรับแต่งการใช้พลังงานให้เหมาะสมเพื่อช่วยประหยัดไฟกับผู้ใช้ ฟีเจอร์เหล่านี้ถือเป็นตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อให้ชีวิตง่ายขึ้น และให้ผู้บริโภคใช้ชีวิตอย่างประหยัดและเป็นมิตรกับโลกมากขึ้น

ภายใต้ความร่วมมือระหว่างซัมซุงกับ Tesla ช่วยให้ SmartThings Energy มีประโยชน์มากยิ่งขึ้นทั้งในและนอกบ้าน ความร่วมมือนี้ก่อให้เกิดการผสาน SmartThings Energy เข้ากับผลิตภัณฑ์ของ Tesla ทั้งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า แบตเตอรี่สำหรับบ้านพาวเวอร์วอลล์ โซลาร์อินเวอร์เตอร์ และโซลูชั่นเครื่อประจุไฟฟ้าให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าวอลล์คอนเนกเตอร์ อีกหนึ่งประโยชน์ที่ผู้ใช้ SmartThings Energy สามารถใช้ได้คือการใช้งานฟีเจอร์ “การติดตามพายุ” จากแอป Tesla สำหรับการควบคุมพาวเวอร์วอลล์ โดยจะแจ้งเตือนสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงผ่าน SmartThings และแอป Tesla อีกทั้งยังแจ้งเตือนผ่านทางสมาร์ทีวีและสมาร์ทโฟนซัมซุง SmartThings ยังช่วยให้ผู้ใช้เตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์ไฟฟ้าดับโดยเปิดโหมด AI Energy เพื่อยืดเวลาการใช้พลังงานสำรองที่เก็บอยู่ในแบตเตอรี่เทสล่าพาวเวอร์วอลล์
ซัมซุงยังเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ เพื่อให้ผู้พิการสามารถใช้งานด่ายขึ้น เช่น การรองรับการสั่งการแบบแฮนด์สฟรีในเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน การขึ้นคำบรรยายอัตโนมัติในสมาร์ทโฟนระหว่างการโทรศัพท์ หรือการเปลี่ยนข้อความเป็นเสียงพูดโดยอาศัย AI ช่วยเปลี่ยนคำบรรยายด้านล่างจอทีวีเป็นเสียงพูด เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้พิการทางการมองเห็นอีกขั้น ซัมซุงนำเสนอ Relumino Together ในสมาร์ททีวีของซัมซุง ช่วยให้ทั้งผู้ชมปกติและผู้พิการสามารถชมทีวีด้วยกันได้โดยไม่มีการปรับแต่งภาพ ให้ทุกคนเพลิดเพลินกับความบันเทิงได้พร้อมกัน