ทาง Bloomberg รายงาน อีกหนึ่งอาวุธลับของ Apple ที่จะเป็น “next big thing” หลังจากยกเลิกโครงการรถยนต์ไร้คนขับไปแล้ว นั่นก็คือ หุ่นยนต์สำหรับใช้งานในบ้านซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงแรกของการพัฒนา

วิศวกรของ Apple ซุ่มพัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารถเดินตามผู้ใช้ไปยังส่วนต่างๆของบ้านได้ รวมถึงสำรวจความเป็นไปได้ในการพัฒนาจอตั้งโต๊ะที่ใช้กลไกหุ่นยนต์สามารถหมุ่นหน้าจอได้

แนวคิดก็คือ หัวหุ่นยนต์จะจำลองการเคลื่อนไหวของศีรษะมนุษย์ เช่น การโต้ตอบระหว่างใช้งาน FaceTime นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ซูมเข้าไปยังบุคคลใดบุคคลหนึ่งในฝูงชนระหว่างการสนทนาทางวิดีโอ จริงๆแล้วโครงการนี้เข้าตาผู้บริหารระดับสูงของ Apple ก็ให้ความสนใจ แต่พวกเขาจะไม่เห็นด้วยว่าจะดำเนินโครงการนี้ต่อไปหรือไม่

รายงานเกี่ยวกับความพยายามครั้งใหม่ของ Apple เกิดขึ้นหลังจากการโจมตีบริษัทหลายครั้งเมื่อเร็วๆ นี้ นับตั้งแต่ต้นปี 2024 Apple ได้รับผลกระทบจากยอดขาย iPhone ที่ลดลงในจีน ค่าปรับเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์จากสหภาพยุโรป และการต่อต้านการผูกขาดจาก DOJ

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ยกเลิกการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับที่ลงทุนไปหลายพันล้านในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอย่าง Project Titan เมื่อต้นปีนี้ หันไปร้างผลิตภัณฑ์ AI แทนซึ่ง Apple ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าตามหลังบริษัทต่างๆ เช่น OpenAI, Microsoft และ Google ซึ่งได้เปิดตัวแชทบอททั้งหมดแล้ว

การเดิมพันหุ่นยนต์ที่บ้านอาจเป็นความพยายามที่จะฟื้นผลิตภัณฑ์ใหม่ในที่สุด มีรายงานว่า Apple เริ่มสำรวจความเป็นไปได้ในการพัฒนาหุ่นยนต์ตั้งแต่ปี 2562 ในขณะนั้น Doug Field ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้บริหาร EV ของ Ford เป็นผู้นำโครงการ มีการศึกษาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายใน เช่น โดรนสำหรับใช้งานในอาคาร แต่หลังจากที่ Field ออกจากบริษัทในปี 2021 ทำให้การพัฒนาด้านหุ่นยนต์ของ Apple กลายเป็นศูนย์

แนวคิดหนึ่งที่ Apple สำรวจคือหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานบ้าน เช่น ล้างจาน และใช้สำหรับวิดีโอคอลได้ อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ถูกระงับเนื่องจากข้อจำกัดทางวิศวกรรม

ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าหุ่นยนต์ของ Apple จะเจาะกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปหรือไม่ แต่ Apple ดูเหมือนจะวางรากฐานแล้ว โดยมีวิศวกรอย่างน้อยหนึ่งคนที่เคยอยู่ในทีมฮาร์ดแวร์ของโครงการรถยนต์ได้ถูกย้ายไปที่บ้านและแผนกหุ่นยนต์นอกจากนั้น SafetyOS ระบบปฏิบัติการที่ใช้ขับเคลื่อนรถยนต์จะนำไปใช้กับหุ่นยนต์แทน

ที่มา https://www.businessinsider.com/apple-exploring-home-robots-as-next-big-thing-report-2024-4