คลิปนี้เรามาแกะกล่องและพรีวิวกันก่อนดีกว่าค่ะ กับ Infinix Note 40 Pro+ 5G เตรียมเข้าไทยเร็ว ๆ นี้! บอกเลยว่ารอบนี้ Infinix เขากลับมาแบบยิ่งใหญ่ เพราะกลับมาพร้อมกับมือถือราคาสุดประหยัด ราคาแค่หมื่นต้น ๆ แต่สเปกให้ไม่มีกั๊ก มีทั้ง Magcharge และ ชาร์จเร็ว 100W!
ใครที่มองหามือถือสายไลฟ์สไตล์ที่สเปกแรง ถ่ายรูปก็ดี เล่นเกมก็ได้แบบ แถมแบตยังอึด แต่ราคาแค่หมื่นนิด ๆ ต้องบอกว่า Infinix Note 40 Pro+ 5G ตอบโจทย์สุดๆ
สเปก Infinix Note 40 Pro+ 5G
Infinix Note 40 Pro+ 5G มาพร้อมหน้าจอโค้ง 55 องศา เป็นจอ AMOLED ความละเอียด Full HD+ (1080*2436) ขนาด 6.78 นิ้ว หน้าจอกระจก Gorilla Glass หนา 8.1 มม. น้ำหนักประมาณ 190 กรัม จะบอกว่าจากการที่แจนได้จับมา บอกเลยว่าเบามาก ๆ แล้วพอเป็นจอโค้งแบบนี้ คือมันบางสุด ๆ เป็นโทรศัพท์ที่ผู้หญิงใช้ก็สวย ผู้ชายใช้ก็สมาร์ทอ่ะ
หน้าจอรองรับอัตราการรีเฟรช 120Hz เรียกได้ว่าปัดกันลื่น ๆ เลย ความสว่างสูงสุด 1300 nits สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ระดับ IP53 ระบบปฏิบัติการเป็นระบบ XOS 14 ที่ครอบด้วย Android 14
รองรับการชาร์จเป็น Type-C แบตเตอรี่ให้มาถึง 4600 mAh อาจจะน้อยกว่ารุ่นอื่นใน Series เดียวกัน แต่แลกมากับการได้อะแดปเตอร์ชาร์จไว ถึง 100W และรองรับการชาร์จไร้สายสูงสุด 20W รอบนี้พิเศษสุด ๆ ค่ะ เพราะ Infinix ได้แถม Magcharge แท่นชาร์จไร้สาย 15W มาให้ในกล่องเลย พร้อมกับเคสที่ลงล็อคกันพอดี
โหมดการชาร์จอัจฉริยะ
สำหรับคนที่เล่นโทรศัพท์มือถือหนัก ๆ ไม่ว่าจะดูวีดีโอ ทำงาน เล่นเกมหรือใช้งานอื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน ก็จะมีความกังวลเรื่องแบตเตอรี่ Infinix Note 40 Pro+ มาพร้อมทคโนโลยีชาร์จไว ชาร์จแรง ชาร์จรอบด้าน All-Round Fastcharge พร้อมสโลแกน Supercharge Live Free ซูเปอร์ชาร์จเพื่อชีวิตสุดอิสระ เพราะเขามี ชิปพิเศษ Cheetah X1 Chip ที่จะช่วยซัพพอร์ตการชาร์จรอบด้าน ไม่ว่าจะชาร์จไว การชาร์จแบบเซฟแบตเตอรี่ ครอบคลุมหมดเลย
Infinix Note 40 Pro+ มีโหมดการชาร์จรองรับถึง 3 โหมดด้วยกัน ก็คือว่าง่าย ๆ สามารถเลือกการชาร์จมือถือได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์นั้นเองค่ะซึ่งตอนที่เราเสียชาร์จจะมีตัวเลือกว่าจะชาร์จโหมดไหน
- โหมด Hyper-Charge หรือโหมดชาร์จเร็ว โหมดนี้จะเป็นโหมดที่เหมาะสำหรับคนที่กำลังเร่งรีบแล้วอาจจะลืมชาร์จแบต เพราะโหมดนี้จะปรับความไวของการชาร์จแบบสูงสุด ๆ
- โหมด Smart-Charge หรือโหมดชาร์จแบบอัจฉริยะ ที่จะปรับการชาร์จให้ได้ผลการชาร์จที่ดีที่สุด ว่าง่าย ๆ คือการชาร์จที่จะถนอมแบตของเรา ปรับการชาร์จให้โทรศัพท์มือถือสามารถอยู่ในสภาวะที่ดีที่สุด
- โหมด Low-Temp Charge หรือโหมดการชาร์จอุณหภูมิต่ำ พอเปิดโหมดนี้จะลดอุณหภูมิของแบตเตอรี่ในขณะที่ชาร์จ ซึ่งจะลดอุณหภูมิจากปกติถึง 6-10 องศา เพื่อยืดอายุการใช้งาน แต่ก็แลกมากับความเร็วในการชาร์จที่ลดลงด้วยนะคะ
แต่มีข้อจำกัดนิดนึงตรงที่ โหมดทั้งสามเนี่ยจะสลับโหมดได้ก็ต่อเมื่อใช้ที่ชาร์จของ Infinix เท่านั้น
ส่วนใครที่ชอบใช้งานไปด้วย ชาร์จไปด้วย แล้วโทรศัพท์มันร้อน แถมทำให้แบตเสื่อมง่าย ทาง Infinix Note 40 Pro+ 5G เขาให้ฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Bypass Charging ที่จะช่วยถนอมแบตเตอรี่ของเราระหว่างการใช้งานหนัก ๆ โดยฟีเจอร์นี้นะคะ จะทำงานโดยการเลี่ยงจ่ายไฟผ่านแบตเตอรี่โดยตรง ว่าง่าย ๆ จะทำให้มือถือของเราไม่ร้อนเกินไปตอนใช้งานหนัก ๆ แล้วก็ยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ด้วย
ตอบโจทย์ความบันเทิง
Infinix Note 40 Pro+ มากับชิป Mediatek Dimensity 7020 Octa Core ว่าง่าย ๆ นอกจากจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใช้งานทั่วไปสบาย ๆ แล้ว ก็เล่นเกมได้แบบชิลๆ เครื่องนี้เขามีระบบระบายความร้อนขนาดใหญ่ VC Liquid Cooling System ที่สามารถระบายความร้อนได้สูงสุด 7 องศา
จากการที่แจนลองเอาไปใช้มา ถ้าไม่ได้ใช้หนัก ๆ ก็คือไม่ร้อนเลย แต่พอมือถือทำงานหนัก ๆ ความร้อนก็ต้องมาอยู่แล้ว มากน้อยขึ้นอยู่กับการใช้งาน ยิ่งเอาออกไปใช้นอกบ้านท่ามกลางแดดประเทศไทย ก็อาจจะมีร้อน ๆ กันบ้าง
ส่วนใครที่เป็นสายดูวีดีโอ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นติ๊กต็อก หมดห่วงเรื่องเสียง เพราะลำโพงเป็นลำโพงคู่ ที่มีการคอลแลปกับ JBL เป็น Sound by JBL เขาบอกว่าเพิ่มประสิทธิ์ภาพเสียงเบสมากถึง 58% เมื่อเทียบกับลำโพงคู่ทั่วไป และพอเป็นลำโพงคู่ สิ่งที่ตามมาคือเสียงรอบทิศทาง 360 องศา เปิดเพลงก็คือโยกหัวไปเลย
การถ่ายรูป
Infinix ก็ให้มาก็ไม่น้อยหน้าใครเลยนะคะ กล้องประกอบไปด้วย กล้องหลัง 3 ตัว และกล้องหน้า 1 ตัว กล้องหลัก ความละเอียดให้มามากถึง 108MP พร้อมกับระบบกันสั่น OIS รองรับ In-Sensor Zoom 3 เท่า ที่สามารถถ่ายคูณสามเท่าโดยไม่ศูนย์เสียรายละเอียด และอีก 2 กล้องรอง เป็นกล้อง Macro ความละเอียด 2MP และ Depth Sensor ความละเอียด 2MP ส่วนกล้องหน้าก็ตาม ๆ กันไปค่ะ ความละเอียดมากถึง 32MP ไม่ธรรมดานะเนี่ย
กล้องหลังสามารถถ่ายวีดีโอด้วยความชัดสูงสุด 2K เฟรมเรทอยู่ที่ 30 เฟรมต่อวินาที ส่วนกล้องหน้าสามารถถ่ายวีดีโอด้วยความชัดสูงสุด Full HD (1080p) เฟรมเรทอยู่ที่ 30 เฟรมต่อวินาที
ฟีเจอร์สำหรับกล้องก็ให้มาไม่กั๊กนะคะ ทั้งโหมดภาพถ่ายบุคคล มาโคร ถ่ายในที่มืด ถ่ายวีดีโอโหมดภาพยนตร์ หรือจะเป็นฟีเจอร์ที่ชื่อว่า sky shop ที่จะช่วยให้คุณถ่ายท้องฟ้าได้สวยขึ้น ก็มีหมด
แต่อีกหนึ่งไฮไลท์ลูกเล่น อยู่ที่เจ้าตัวแฟรชรูปวงกลมนี้ เพราะครั้งนี้ Infinix ได้มีการนำ AI เข้ามาช่วย แฟรชตัวนี้เรียกว่า Active Halo หรือ Halo Light เป็นการเพิ่มลูกเล่นมากขึ้นให้กับโทรศัพท์ของเรา พอเราเล่นแอพลิเคชั่นที่แตกต่างกัน ไฟที่แสดงออกมาก็จะต่างกันไปด้วย ไม่ว่าจะมีคนโทรเข้า เราโทรออก เล่นเกม ฟังเพลง ก็จะมีแสงออกมาตรงวงแหวน วิบวับ ๆ เป็นลูกเล่น
สำหรับ Infinix Note 40 Pro+ 5G เปิดตัวที่ราคาเพียงแค่ 11,999 บาท มีทั้งหมด 2 สีให้เลือก คือ สีเขียว Vintage Green และสีดำ Obsidian Black RAM 24GB (12+12GB) + ROM 256 GB
ใครที่ไปจับจองกันก็จะได้ Premium Gift Box ที่ประกอบไปด้วย แก้วเก็บอุณหภูมิ และลำโพงบลูทูธ รวมมูลค่า 3,198 บาท แจนขอบอกก่อนว่า Premium Gift Box มีจำนวนจำกัดนะคะ วางจำหน่ายใน วันที่ 30 เมษายน สามารถจับจองกันได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมทั้ง Shopee , Lazada และ TikTok Shop
และอีกหนึ่งรุ่นที่มาพร้อมกัน คือ Infinix Note 40 Pro 4G ที่เปิดตัวด้วยราคาเพียงแค่ 8,999 บาท มีทั้งหมด 2 สีให้เลือก คือสีเขียว และสีทอง วางจำหน่ายใน วันที่ 30 เมษายน เช่นกัน แต่รุ่น Note 40 Pro 4G มีจำหน่ายแค่ช่องทางออนไลน์เท่านั้นนะคะ