ไทยพาณิชย์พลิกโฉมแบงก์ ยกระดับเป็น AI-First Bank ด้วยการนำเทคโนโลยี AI มาช่วยอนุมัติสินเชื่อรายย่อยเป็น 100% , ช่วยแนะนำการลงทุนให้เหมาะกับแต่ละคน รวมถึงแชทบอทคอยให้ข้อมูล
หลังจากที่ SCB ประกาศกลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch ส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาสแรก 2567 เติบโตต่อเนื่องทุกด้าน โดยมีกำไรสุทธิถึง 13,200 ล้านบาทโตขึ้น 13.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะเดียวกันยังสามารถรักษาอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (C/l) อยู่ที่ 37.7% มี ผลตอบแทนสําหรับผู้ถือหุ้น (ROE) ในระดับ 12.7% และสร้างรายได้ดิจิทัลขยับสู่ 9.9 %
เพื่อให้กลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch ประสบความสำเร็จ ทาง SCB ได้นำเอา AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยมีลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ด้วย 3 บริการใหม่ คือ การนํา AI อนุมัติสินเชื่อรายย่อย 100% พร้อมมอบประสบการณ์ Digital Wealth ด้วยการเปิดตัว Al Advisory Chatbot แชตบอตให้ข้อมูลเกี่ยวกับกองทุน และ บริการ My Alert แนะนําและแจ้งเตือนการลงทุนแบบเฉพาะบุคคล (Hyper-personalization) ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ การบริหารความมั่งคั่งของลูกค้ายุคดิจิทัล เดินหน้ายกระดับความสามารถทางเทคโนโลยีเพื่อ พัฒนาบริการที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า ตอกย้ําความเป็นดิจิทัลแบงก์ที่เข้าถึงใจ เข้าถึงคุณ มั่นใจ ขับเคลื่อนองค์กรสู่ดิจิทัลแบงก์เต็มรูปแบบด้วยเป้าหมายรายได้ดิจิทัล 25% ภายในปี 2568
นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธนาคาร ได้ดําเนินกลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch โดยมีเป้าหมายการเป็นดิจิทัลแบงก์ที่เป็นอันดับหนึ่ง ด้านการบริหารความมั่งคั่ง พร้อมมอบประสบการณ์การให้บริการที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อในทุก ช่องทางให้กับลูกค้า โดยในไตรมาสแรกของปี 2567 นี้ ธนาคารยังคงมีผลประกอบการที่เป็นไปตาม เป้าหมายที่วางไว้ในทุกด้าน การแข่งขันในธุรกิจการเงินจากนี้ไป ธนาคารต้องคํานึงถึงลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยจะต้อง ตอบสนองความต้องการทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยําแบบเฉพาะบุคคล ธนาคารจึงจําเป็นต้อง เร่งพัฒนาบริการให้เป็นดิจิทัลแบงก์เต็มรูปแบบเพื่อสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดที่ กําลังเพิ่มมากขึ้น ในปีนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์จึงให้ความสําคัญกับการนําเทคโนโลยี AI มาขับเคลื่อนธุรกิจ ธนาคารในทุกมิติ ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เชื่อมโยงบริการ ยกระดับกระบวนการทํางานภายในองค์กร และเพิ่มพูนทักษะทางเทคโนโลยีให้พนักงาน โดยได้กําหนดการดําเนินงานเชิงกลยุทธ์ภายใต้โมเดล Better Brain นําเทคโนโลยี AI และ Machine Learning มาพัฒนาใช้งานวางรากฐานบริการโดยยึดลูกค้าเป็น ศูนย์กลาง สร้างบริการที่รู้จักรู้ใจลูกค้าเป็นรายบุคคล (Hyper-personalization) เข้าถึงบริการได้อย่างสะดวกผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลของธนาคาร (Always available) และมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับ ลูกค้า (Better customer experience)
“จากการดําเนินงานดังกล่าว ธนาคารได้ประสบความสําเร็จในการพัฒนา 3 นวัตกรรม AI ที่พร้อม มอบประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าธนาคารไทยพาณิชย์เป็นครั้งแรก ประกอบด้วย การนํา AI อนุมัติ สินเชื่อรายย่อย 100% ครอบคลุมสินเชื่อเคหะ สินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการรายย่อย (SSME) โดยจะช่วยอํานวยความสะดวกให้ลูกค้าทราบผลอนุมัติภายในระยะที่รวดเร็วกว่าเดิมมาก นอกจากนี้ การใช้ Al & Machine Learning ในการประเมินความเสี่ยงลูกค้าจากข้อมูลเชิงลึก จะช่วย กําหนดอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมให้กับลูกค้า ซึ่งไม่เพียงยกระดับประสบการณ์ให้แก่ลูกค้า ยังจะนําไปสู่ การให้สินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบอีกด้วย”
นายกฤษณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นําอันดับหนึ่งในธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ธนาคารยังนํา AI เข้ามาเสริมประสบการณ์การลงทุนผ่านช่องทางดิจิทัล อันเป็นไปตามแนวโน้มการเติบโต ทางด้านธุรกรรมบน SCB EASY ที่ขยายตัวขึ้นราว 23% (yoy) โดยพบว่าปัจจุบันลูกค้าให้ความสนใจซื้อ ประกันในช่องทางนี้เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า และมีจํานวนครั้งของการลงทุนบนช่องทางดิจิทัลสูงกว่าช่อง non- digital ถึง 7 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของลูกค้าที่นิยมใช้ดิจิทัลเป็นแพลตฟอร์มในการลงทุนเพิ่ม มากขึ้น เพื่อตอบสนองแนวโน้มดังกล่าว จึงได้นํา AI เข้ามาเสริมประสบการณ์บริหารความมั่งคั่งตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่เป็นดิจิทัลมากขึ้น โดยได้เริ่มต้นพัฒนา บริการ Al Advisory Chatbot บนช่องทาง SCB Connect เป็นแชตบอตที่สามารถโต้ตอบและให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกองทุนได้ โดยลูกค้าสามารถ สอบถามข้อมูลกองทุนที่สนใจ และให้แชตบอตค้นหาและตอบคําถามได้อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมกันนี้ ยัง ได้พัฒนา บริการแจ้งเตือน My Alert นํา AI เป็นผู้ช่วยดูแลพอร์ตการลงทุนรายบุคคลตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีความสามารถพิเศษในการประมวลผลจากข้อมูลพอร์ตลงทุนที่มีอยู่ ร่วมกับข้อมูลความเคลื่อนไหวใน ตลาดโดย SCB CIO และวิเคราะห์โอกาสการลงทุน พร้อมแจ้งเตือนเมื่อถึงจังหวะการลงทุนได้อย่าง ทันท่วงที ผ่านทุกช่องทางการสื่อสารทั้ง SCB Connect, SCB EASY และ ที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล ทั้ง 2 บริการนี้ จะสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งได้อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน ธนาคารยังได้นํา AI เข้าเสริมประสิทธิภาพการทํางานทางด้านต่างๆ ทั่วทั้งธนาคาร โดยนําเทคโนโลยี AI และอื่นๆ มาใช้เพื่อเพิ่มระบบการทํางานให้เป็นอัตโนมัติ ลดการทํางานแบบ Manual เพื่อผลลัพธ์ที่ว่องไว แม่นยํา ประหยัดเวลา และลดต้นทุนการบริหารจัดการ ทั้งยังมีโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อเตรียมความพร้อมเพิ่มทักษะทางเทคโนโลยีให้กับพนักงานของธนาคารเพื่อเตรียมรับมือและ เป็นกําลังสําคัญที่จะก้าวเข้าสู่โลกแห่ง AI อีกด้วย
“ธนาคารมีความเชื่อมั่นว่า AI จะเป็นเทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ (New S-Curve) และนําธนาคารไปสู่การเป็นดิจิทัลแบงก์เต็มรูปแบบได้ตามเป้าหมาย ทั้งจะเป็นหัวใจหลักในการผลักดัน รายได้ทางดิจิทัลของธนาคารให้เติบโตเป็น 13% ภายในปีนี้ และสู่เป้าหมาย 25% ในปี 2568 การยกระดับ ความสามารถทางด้านดิจิทัลในครั้งนี้ ก็เพื่อสร้างสมดุลให้แก่โครงสร้างรายได้ให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อม รับมือกับความไม่แน่นอนต่างๆ รวมถึงคู่แข่งใหม่ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีในลักษณะเดียวกัน ทําให้เราไม่ต้องกังวล ต่อการมาถึงของผู้เล่นรายใหม่ๆ และเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถสร้างผลการดําเนินงานที่แข็งแกร่งเช่นนี้ต่อไป ได้ทุกปี ในฐานะการเป็นธนาคารดิจิทัลที่เข้าถึงใจ เข้าถึงคุณ ตามกลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch อย่างแท้จริง” นายกฤษณ์ กล่าวสรุป