ตอนนี้สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ๆมี AI ช่วยถอดข้อความจากเสียงแต่ รุ่นที่รองรับยังน้อยอยู่ แต่จริงๆแล้วเรายังมีตัวเลือกในการใช้งานผ่านแอปหรือเว็บได้ ใครที่ต้องถอดเสียงจากคลิปวิดีโอเป็นประจำแล้วมองหาตัวช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น วันนี้ Dailygizmo จะมาแนะนำบริการที่ใช้งานฟรี ที่เอา AI มาช่วยถอดเสียงสัมภาษณ์, เลคเชอร์, ประชุม ให้เป็นข้อความได้ง่ายขึ้น

Google Recorder

Google Recorder แอปบน Android ใช้งานได้ฟรี แต่จะมีข้อจำกัดคือใช้งานได้กับเสียงสดเท่านั้น ไม่สามารถใช้คลิปเสียงที่บันทึกไว้ และใช้งานได้เฉพาะบนมือถือ Google Pixel เท่านั้o (แม้จะมีเว็บแต่ใช้สำหรับเปิดเล่นไฟล์เสียงที่เราส่งไปเท่านั้น ไม่สามารถใช้ถอดเสียงได้)

หากใครมีโทรศัพท์ Pixel เราใช้งานได้งานเฉพาะฟังเสียงสดผ่านไมโครโฟนของมือถือเท่านั้น หรือจะชื่อมต่อไมโครโฟนภายนอกเข้ากับมือถือได้เพื่อให้ได้ยินชัดขึ้นก็ได้ ส่วนข้อความถอดเสียงจะปรากฎบนหน้าจอในเวลาใกล้เคียงกับเสียงที่เราพูดเลยค่ะ

การค้นหาผ่านการถอดเสียงเป็นเรื่องง่าย คุณสามารถค้นหาเสียงเช่น “เสียงหัวเราะ” หรือ “เพลง” ได้ และเสียงสามารถแก้ไขได้โดยการปรับแต่งข้อความ คุณยังได้รับข้อมูลสรุปของข้อความถอดเสียงที่สร้างโดย AI

Whisper

Whisper เป็น AI ที่ใช้ OpenAI ช่วยแปลงเสียงเป็นข้อความได้ฟรี แต่เราต้องใช้เว็บแอปผ่าน Hugging Face หรือจะติดตั้งโปรแกรมเอาไว้บนคอมพิวเตอร์ก็ได้ แต่สเปกเครื่องต้องเพียงพอที่จะทำงานได้ รวมถึงการติดตั้งก็มีความซับซ้อนพอสมควร

อินเทอร์เฟซเว็บออกแบบให้ใช้งานง่าย เพียงแค่อัปโหลดไฟล์หรือพูดใส่ไมโครโฟนของคอมพิวเตอร์ หลังจากนั้นรอประมวลผลไม่กี่นาที ก็จะถอดข้อความมาให้ในหน้าต่างด้านขวามือ จากนั้นก็ให้ AI แปลข้อความที่ถอดมาเป็นภาษาอื่นๆได้

Otter

Otter เป็นบริการถอดเสียงระดับมืออาชีพสำหรับธุรกิจและบุคคลทั่วไป เรียกว่าให้ประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยมและมีฟีเจอร์มากมาย ทั้งการถอดเสียงเป็นข้อความ, สร้างบทสรุป เป็นต้น แถมยังใช้งานได้ทั้งบนเว็บหรือแอป UI ก็ออกแบบให้เข้าใจได้ง่าย ค้นหาง่าย แถมยังทำงานร่วมกับแอปอื่นๆได้ด้วย

การใช้งานนั้นจะมีโควต้าให้ใช้ฟรีเดือนละ 300 นาที โดยเสียงที่ถอดแต่ละครั้งความยาวไม่เกิน 30 นาที อัปโหลดไฟล์ได้ 3 ครั้ง หากต้องการใช้มากกว่านี้ต้องสมัครบริการเริ่มต้นที่ 16.99 ดอลลาร์ต่อเดือน (615 บาท)

Happy Scribe

Happy Scribe จะคล้ายกับ Otter ที่รองรับการใช้งานของบุคคลทั่วไปและบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งแพคเกจเริ่มต้นสามารถใช้งานได้ฟรี โดยจะจำกัดความยาวของไฟล์เสียงที่ 10 นาที ไม่สามารถส่งออกไฟล์ได้ ถ้าหากอยากใช้มากกว่านั้นก็ต้องสมัครรายเดือนเริ่มต้นที่เดือนละ 17 ดอลลาร์ (615 บาท)

ข้อดีของ Happy Scribe คือ อินเทอร์เฟซที่เรียบง่าย คล้าย Google Doc ที่ได้รับการปรับแต่งมา เน้นใช้งานง่าย โดยการถอดเสียงของคุณมาพร้อมกับป้ายกำกับ ว่าช่วงไหนใครผู้และพูดช่วงเวลาไหน นอกจากนั้นยังมีเครื่องมือตรวจสอบที่ใช้งานง่ายเช่นกัน

ไฟล์ที่คุณสร้างสามารถติดแท็กและจัดเรียงลงในโฟลเดอร์ได้ตามต้องการ และยังมีฟีเจอร์อื่นๆที่มีประโยชน์ เช่น เครื่องมือแปล ,พจนานุกรมแบบกำหนดเองที่คุณสามารถเพิ่มคำที่ AI อาจไม่รู้ อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจ คือ คุณสามารถจ่ายเงิน จ้างคนมาช่วยสำหรับการถอดเสียงได้หากต้องการ

MeetGeek

MeetGeek transcribing audio from a video.
©

เว็บ MeetGeek สามารถช่วยถอดเสียงตั้งแต่การสัมภาษณ์ การประชุม จนถึงการโทรกับลูกค้าและชั้นเรียนออนไลน์ บริการถอดเสียงนี้สามารถจัดการได้เกือบทุกอย่างที่คุณต้องการ ฟีเจอร์ส่วนใหญ่นั้นเหมาะกับการประชุมสุดๆ รองรับเสียงทุกประเภท รวมถึงการอัปโหลดไฟล์ด้วย

อินเทอร์เฟซก็ค่อนข้างทันสมัย เข้าถึงส่วนต่างๆ ของ MeetGeek ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น ปฏิทินและการบันทึกที่ผ่านมา แม้จะมีเสียงพูดหลายคนก็ทำงานได้ดี สามารถส่งสำเนาบันทึกการถอดเสียงทางอีเมลพร้อมๆ กัน ในไม่กี่คลิก

MeetGeek แบบเริ่มต้นนั้นใช้งานได้ฟรี สามารถถอดเสียงได้เดือนละ 5 ชั่วโมง สามารถเก็บไฟล์เสียงได้ 1 เดือน เก็บข้อความที่ถอดมาแล้วได้ 3 เดือน เพื่อมาดูย้อนหลังได้ รวมถึงการอัปโหลดไฟล์และข้อมูลสรุปการประชุม AI หากถูกใจก็สมัครรายเดือนเริ่มต้นที่ 19 ดอลลาร์ต่อเดือน (688 บาท)

ใครชอบใช้บริการไหนหรือมีอันอื่นที่ใช้บ่อยแล้วอยากแนะนำก็สามารถบอกต่อกันได้นะ

ที่มา https://gizmodo.com/the-best-transcription-services-that-are-free-to-try-2000377213