BigPay เปิดบริการในไทยเป็นประเทศที่ 3 ในเอเชีย ต่อจาก มาเลเซียและสิงคโปร์ เน้นให้บริการด้านการเงินครบวงจร ทั้งการเดินทาง ใช้จ่ายทั่วไป แลกเงิน พร้อมฟีเจอร์ช่วยวิเคราะห์การใช้จ่ายและบริหารการเงิน

BigPay เป็นธุรกิจย่อยของ MOVE Digital ภายใต้บริษัทแม่ Capital A Berhad เน้นใหhบริการด้านการเงิน โดยเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2017 ที่มาเลเซีย และขยายไปยังสิงคโปร์ เน้นจุดเด่นบริการที่เข้าถึงง่าย ใช้ง่ายและปลอดภัย รองรับการทำธุรกรรม หลายด้านทั้งโอนเงินในประเทศหรือชำระเงินระหว่างประเทศ, credit ประกันภัยสำหรับรายย่อย, สินเชื่อส่วนบุคคล ไปจนถึงการจัดการเงิน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 1.5 ล้านคน
ไทยถือเป็นประเทศที่ 3 ที่ BigPay เข้ามาเปิดให้บริการโดยจับมือกับพันธมิตรอย่าง VISA เพื่อเป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการด้านการเงินให้กับนักเดินทางและผู้ใช้ชาวไทย
จากผลสำรวจพบว่าผู้ใช้ E-wallet 65% นั้นต้องการความมั่นคงทางการเงิน มีเป้าหมายที่จะเก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณหรือทำบางอย่างในอนาคน โดย 60% นั้นเห็นความสำคัญของการบริหารจัดการเงิน นั่นจึงทำให้ BigPay นอกจากจะใช้งานเป็น E-wallet แล้ว ยังมีฟีเจอร์บริหารการเงินตามที่ผู้ใช้ตั้งเป้าเอาไว้ ด้วยการใช้งานที่ง่าย ทำได้จริง ช่วยให้ถึงเป้าหมายเร็วขึ้นผ่านฟีเจอร์ต่างๆ
กลุ่มเป้าหมายหลักในไทยจะเป็นกลุ่ม Gen Z ที่ไทยมีราวๆ 13 ล้านคน ซึ่ง 3 ล้านคนเป็นกลุ่มที่เพิ่งเริ่มทำงานและอีก 4 ล้านคนที่ไม่ได้อาศัยในกรุงเทพ

BigPay นั้นสามารถใช้งานได้ทั้งผ่านบัตรเสมือนจริงในแอปพลิเคชัน (Visa Virtual card) ใช้ซื้อของออนไลน์ได้หมดและแบบบัตรพลาสติก Visa Platinum Prepaid card ที่สามารถสั่งได้ต่างหาก รองรับการแตะจ่าย สามารถนำไปใช้จ่ายได้ทั้งร้านค้าทั่วโลกและร้านออนไลน์ที่รองรับบัตร VISA รวมถึงกดเงินสดผ่านตู้ ATM ได้ในต่างประเทศ

ในแอป BigPay มีตัวช่วยเก็บเงินอย่าง ‘Stash’ กระเป๋าเก็บเงินย่อย และ ‘Roundup’ ฟังก์ชันปัดเศษเงินทอนเพื่อเก็บเงินได้ทันที ส่วนใครที่ไปกินข้าวกับเพื่อนบ่อยๆ ก็มีฟีเจอร์หารค่าใช้จ่าย
รวมถึง ‘Analytics’ ฟังก์ชันวิเคราะห์การใช้จ่าย ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานเก็บเงินอย่างชาญฉลาด พร้อมดูข้อมูลการใช้จ่ายได้เพื่อให้เรานำมาปรับพฤติกรรมการใช้เงินให้เหลือเก็บมากขึ้น

นอกจากนั้น BigPay ยังเชื่อมต่อกับ AirAsia Move ให้ผู้ใช้จ่ายค่าบริการต่างๆได้สะดวกขึ้น รวมถึงมีสิทธิพิเศษมากมาย เช่น
- ผู้ใช้งานใหม่ BigPay จอง “AirAsia Flight” ครั้งแรกจะได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 555 บาท
- ได้รับเงินคืน 100 บาท เมื่อจองเที่ยวบิน AirAsia
- รวมถึงสะสมคะแนนสายการบิน AirAsia เร็วขึ้น เมื่อใช้จ่ายทุก 200 บาทจะได้ 4 คะแนน
ส่วนในอนาคตจะเพิ่มบริการใหม่ๆ เข้มาอีก เช่น ฟีเจอร์เก็บเงินเที่ยว, บริการด้านการลงทุน, แลกเงินต่างประเทศ, เชื่อมต่อบริการ Alipay+ รวมถึงการให้สินเชื่อโดยผนวกฐานข้อมูลนักเดินทางของ AirAsia และสถาบันการเงินที่เป็นพันธมิตร

โทนี เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแคปปิตอล เอ (Capital A) และ MOVE Digital กล่าวถึงการขยายการให้บริการ BigPay สู่ประเทศไทยว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ BigPay ได้ขยายการให้บริการมาสู่ประเทศไทย นับเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในระบบอีโคซิสเต็มของเราให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่เหนือกว่าในการใช้จ่ายและการใช้บริการทางการเงิน และส่งเสริมประสบการณ์การเดินทางไร้รอยต่อให้กับนักเดินทาง เรายังคงมุ่งมั่นที่จะตอบโจทย์ผู้ใช้งานชาวไทยในฐานะผู้ให้บริการทางการเงินใหม่ล่าสุด เราขอขอบคุณผู้ร่วมมือทุกท่าน รวมถึง Visa พาร์ทเนอร์ของเราในครั้งนี้”

นางสาวอภิฤดี ปรัชญาเศรษฐ ผู้จัดการ BigPay ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะนำเสนอ บริการทางการเงินสำหรับการท่องเที่ยวที่แตกต่างให้กับนักเดินทางชาวไทยผ่านแอปพลิเคชัน BigPay บัตร BigPay Visa Platinum Prepaid card ของเราไม่ได้เพียงแต่มอบส่วนลดสุดพิเศษและ AirAsia points เท่านั้น แต่ผู้ใช้งานจะได้รับประสบการณ์การท่องเที่ยวและใช้จ่ายทั่วโลกที่เหนือกว่าด้วยการเติมเต็มอีโคซิสเต็มของ AirAsia MOVE อย่างไร้รอยต่อและการร่วมมือกันกับ Visa นอกจากนี้ BigPay ยังมีฟังก์ชัน ‘Stash’ กระเป๋าเก็บเงินย่อยเป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการเงิน ‘Roundup’ ฟังก์ชันปัดเศษเงินทอนเพื่อช่วยเก็บเงินได้ทันที และ ‘Analytics’ ฟังก์ชันวิเคราะห์การใช้จ่าย ทั้งหมดนี้ เพื่อช่วยให้แอปพลิเคชัน BigPay มาพร้อมด้วยฟังก์ชันที่ตั้งใจออกแบบมาเพื่อยกระดับการเงินของผู้ใช้งานชาวไทย พร้อมทั้งช่วยสร้างวินัยทางการเงินและช่วยเก็บเงินอย่างชาญฉลาดสำหรับการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในอนาคต”

นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่ได้เป็นพันธมิตรร่วมกับ BigPay ในการยกระดับประสบการณ์การชำระเงินแก่ลูกค้าชาวไทย ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายระหว่างการท่องเที่ยวต่างประเทศ การจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน หรือการชอปปิงออนไลน์ การเปิดตัวอีวอลเล็ตในครั้งนี้ยังสอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่อยากออกไปท่องโลกมากขึ้น โดยมีการวางแผนเดินทางเยือนต่างประเทศเฉลี่ยที่ 2.4 ทริปในปีนี้ นอกจากนี้ยังตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยในการใช้จ่ายแบบไร้เงินสด โดยจากการศึกษาล่าสุดของวีซ่า พบว่าแปดในสิบของผู้บริโภคชาวไทย (81 เปอร์เซ็นต์) พยายามที่จะใช้จ่ายโดยไม่พึ่งพาเงินสด ซึ่งกลุ่มเจน Z (อายุระหว่าง 18-23 ปี) เป็นผู้นำเทรนด์ชีวิตไร้เงินสด เรามั่นใจว่าความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ที่เป็นจุดเด่นของการชำระเงินรูปแบบดิจิทัล ประกอบกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ครบครันจะทำให้อีวอลเล็ตของ BigPay เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคในยุคดิจิทัลนี้”
ใครสนใจใช้งาน BigPay ดาวน์โหลดได้แล้วที่ App Store และ Google Play