เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วกับ Apple watch Series 10 ปีนี้มาในตัวเรือนสองขนาด หน้าจอใหญ่ขึ้นเป็น 44 มม. และ 48 มม. ตัวเรือนบางลงกว่ารุ่นเดิม ขอบจอเล็กลง ดีไซน์คล้าย Apple watch Ultra มากขึ้น

Apple watch Series 10

มาในดีไซน์ใหม่ ตัวเรือนบางลงกว่ารุ่นเดิม ขอบจอเล็กลง บางขึ้น 10% มาพร้อมชิปใหม่ทำงานได้เร็วขึ้น ช่วยประมวล AI วัดสุขภาพบางส่วนในตัวนาฬิกา 

ขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นเป็น 42 มม. และ 46 มม.ซึ่งขนาดหลังนั้น ใหญ่พอๆ Apple watch Ultra 2 การที่ขยายหน้าจอช่วยให้อ่านข้อความ พิมพ์ข้อความง่ายขึ้น รวมถึงการใช้แอปต่างๆสะดวกขึ้น หน้าจอใหม่ OLED แบบ wide angle  สว่างขึ้น 40% เมื่อเทียบกับ Series 9

มาพร้อมชิปใหม่ S10 ที่บางลง ประสิทธิภาพสูงขึ้น การประหยัดพลังงาน มาพร้อม Neural Engine แบบ 4-core ในตัวใช้งานได้ฉลาดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งนิ้ว “แตะสองครั้ง”, Siri บนอุปกรณ์, การป้อนตามคำบอก หรือการตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัติ ตลอดจนคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่สำคัญๆ อย่างการตรวจจับการชนกันและการตรวจจับการล้ม รวมไปถึงวิดเจ็ตซ้อนอัจฉริยะที่อัปเดตใหม่ หน้าปัดรูปภาพที่ออกแบบมาใหม่ และแอปแปลภาษาใน watchOS 11

หน้าปัดนาฬิกาใหม่ใน watchOS 11 ออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากจอภาพที่ใหญ่ขึ้นและอัตรารีเฟรชที่เร็วขึ้นบน Apple Watch Series 10 โดยหน้าปัดนาฬิกาฟลักซ์มาพร้อมดีไซน์กราฟิกสุดโดดเด่นที่จะเติมเต็มหน้าจอด้วยสีที่เปลี่ยนไปในแต่ละวินาที ส่วนหน้าปัดนาฬิกาสะท้อนแสงนั้นมาพร้อมหน้าปัดที่เปล่งประกายโดดเด่นซึ่งจะค่อยๆ ตอบรับกับการเคลื่อนไหวของผู้ใช้ โดยเป็นหน้าปัดที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับตัวเรือนไทเทเนียมใหม่ที่มีความแวววาวขั้นสุด

การชาร์จที่เร็วขึ้น

ฝาหลังโลหะแบบใหม่ของ Apple Watch Series 10 มาพร้อมขดลวดสำหรับการชาร์จที่ใหญ่ขึ้นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ Series 10 เป็น Apple Watch ที่ชาร์จเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา และทำให้การใช้งานตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนนั้นเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคย การชาร์จ 15 นาทีช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 8 ชั่วโมงสำหรับการใช้งานทั่วไปในแต่ละวัน หรือชาร์จ 8 นาทีเพื่อติดตามการติดตามการนอนหลับได้สูงสุด 8 ชั่วโมง และการชาร์จเร็วยังทำให้ผู้ใช้ชาร์จแบตเตอรี่ได้สูงสุด 80% ในเวลาประมาณ 30 นาทีอีกด้วย

การวัดความลึกและอุณหภูมิสำหรับกิจกรรมทางน้ำและแอปน้ำขึ้น-น้ำลงใหม่

Apple Watch เหมาะสำหรับกิจกรรมทางน้ำและรอบๆ แหล่งน้ำด้วยดีไซน์กันน้ำขณะว่ายน้ำที่มีความสามารถในการทนน้ำที่ระดับ 50 เมตร การตรวจจับท่าว่ายน้ำอัตโนมัติ การนับรอบ และวันนี้ watchOS 11 ยังมาพร้อมการออกกำลังกายแบบกำหนดเองสำหรับการว่ายน้ำในสระอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีตัววัดความลึกและเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำใหม่ที่ทำให้ Apple Watch Series 10 เป็นคู่หูที่ลงตัวยิ่งขึ้นเมื่อผู้ใช้พร้อมลุยกิจกรรมทางน้ำ

ตัววัดความลึกใหม่สามารถวัดใต้ผิวน้ำได้ลึกถึง 6 เมตร จึงเหมาะสำหรับดำน้ำสนอร์เกิลและดำน้ำตื้น หรือจะใส่ว่ายเล่นในสระ ทะเลสาบ หรือทะเลก็ทำได้ นอกจากนี้ เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำใหม่ยังสามารถวัดอุณหภูมิน้ำได้ทันทีที่ Apple Watch อยู่ใต้ผิวน้ำ ส่วนแอปความลึกในตัวก็สามารถอ่านได้อย่างชัดเจนเมื่ออยู่ใต้น้ำ โดยจะแสดงเวลา ความลึกปัจจุบัน อุณหภูมิของน้ำ ระยะเวลาที่อยู่ใต้น้ำ และความลึกสูงสุด รวมถึงมีตัวเลือกให้เปิดทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อ Apple Watch อยู่ใต้ผิวน้ำ และตัวชี้วัดการออกกำลังกายยังแสดงอุณหภูมิของน้ำระหว่างการว่ายน้ำออกกำลังกายในสระและแหล่งน้ำเปิดได้อีกด้วย

watchOS 11 มาพร้อมแอปน้ำขึ้น-น้ำลงใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ใช้วางแผนและเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมในแหล่งน้ำเปิด และรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ใช้สามารถดูการคาดการณ์ระดับน้ำขึ้นน้ำลงของชายฝั่งและจุดเล่นเซิร์ฟทั่วโลกได้ต่อเนื่องถึง 7 วัน ซึ่งรวมถึงข้อมูลน้ำขึ้นและน้ำลงเต็มที่ ช่วงน้ำขึ้นและน้ำลง ระดับความสูงและทิศทางของน้ำขึ้นน้ำลง ตลอดจนช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและดวงอาทิตย์ตก โดยข้อมูลทั้งหมดนี้จะมีการแสดงเทียบกับไทม์ไลน์ นอกจากนี้ยังสามารถดูชายหาดใกล้ๆ ตำแหน่งของตนบนแผนที่ได้อย่างสะดวก และกลไกหน้าปัดใหม่จะแสดงข้อมูลระดับน้ำขึ้นน้ำลง ณ สถานที่โปรดหรือชายหาดที่ใกล้ที่สุดให้มองเห็นได้ง่ายๆ เพียงแค่เหลือบมอง

การเล่นเสียงผ่านลำโพงและการแยกเสียงสำหรับการโทร

วันนี้ ลำโพงในตัวของ Apple Watch Series 10 สามารถเล่นเสียงได้แล้ว โดยผู้ใช้สามารถฟังเสียงจากแอปต่างๆ มากมาย เช่น Apple Music, Apple Podcasts, Apple Books และแอปของบริษัทอื่นๆ จาก Apple Watch ได้เลยเช่นเดียวกับการโทรเข้าออก

Apple Watch Series 10 ยังใช้โครงข่ายประสาทสำหรับแยกเสียงใหม่ที่ทำงานบน Neural Engine แบบ 4-core เพื่อลดเสียงรบกวนรอบข้างในขณะคุยโทรศัพท์หรือโทร FaceTime แบบเสียง ดังนั้นปลายสายจึงได้ยินเสียงของผู้ใช้ที่ใสและคมชัด แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง เช่น ร้านอาหารที่คนแน่นร้าน ถนนในเมือง หรืออยู่กลางแจ้งในวันที่ลมแรง

ผิวสัมผัสอะลูมิเนียมและไทเทเนียมขัดเงาใหม่สุดเรียบหรู

นับเป็นครั้งแรกที่ Apple Watch มาในผิวสัมผัสอะลูมิเนียมแบบขัดเงาในสีดำเจ็ทแบล็คที่ทั้งแวววาวและเปล่งประกายเงางาม ซึ่งการจะทำให้แวววาวได้ขนาดนี้ ตัวเรือนอะลูมิเนียมต้องได้รับการขัดเงาด้วยอนุภาคขนาดนาโน ต่อด้วยกระบวนการชุบผิวถึง 30 ขั้นตอน Apple Watch Series 10 ยังมาในแบบอะลูมิเนียมสีโรสโกลด์ใหม่และแบบอะลูมิเนียมปัดเงาสีเงินยอดนิยมด้วย

นอกจากนี้ Apple Watch Series 10 ยังมีให้เลือกในแบบไทเทเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศพร้อมผิวสัมผัสแบบขัดเงา ซึ่งมาแทนที่วัสดุสแตนเลสสตีลที่ใช้ในรุ่นก่อน โดยตัวเรือนใหม่นั้นทำมาจากไทเทเนียมเกรด 5 ที่มีผิวสัมผัสสะท้อนแสงแวววาวราวกับอัญมณี และมีน้ำหนักเบากว่า Apple Watch Series 9 ตัวเรือนสแตนเลสสตีลเกือบ 20% ตัวเรือนไทเทเนียมมาในสามสีสุดโดดเด่น ได้แก่ สีธรรมชาติ สีทอง และสีเทาสเลท

  • Apple Watch Series 10 มีให้เลือกทั้งขนาด 42 มม. และ 46 มม. ในตัวเรือนอะลูมิเนียมสีดำเจ็ทแบล็คใหม่ สีโรสโกลด์ใหม่ และสีเงิน ตลอดจนตัวเรือนไทเทเนียมใหม่ที่มาในสีธรรมชาติ สีทอง และสีเทาสเลท
  • Apple Watch Series 10 ทุกตัวเรือนที่จับคู่กับสายแบบ Sport Loop, Braided Solo Loop หรือ Milanese Loop ใหม่จะมีความเป็นกลางทางคาร์บอน
  • Apple Watch Hermès มีให้เลือกทั้งขนาด 42 มม. และ 46 มม. ในแบบไทเทเนียมเงินที่ออกแบบมาให้เข้ากับสแตนเลสสตีลที่ใช้ในรุ่นก่อน
  • Apple Watch Series 10 ราคาเริ่มต้นที่ 14,900 บาท
  • Apple Watch SE วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 7,900 บาท