ใครที่ใช้บริการ Netflix เพื่อรับชมรายการยอดนิยมอย่าง “Nobody Wants This” และ “Stranger Things” รวมถึงรายการทีวีและภาพยนตร์เก่าๆ เตรียมควักเงินในกระเป๋าจ่ายค่าบริการที่สูงขึ้น

ล่าสุดทาง Netflix รายงานผลประกอบการรายไตรมาสล่าสุด พบว่ามีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 10,250 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทสามารถทำรายได้รวมเกิน 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสใดไตรมาสหนึ่ง

ส่วนจำนวนสมาชิก Netflix ที่รับชมทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 302 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 15.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเนื้อหาบางส่วนที่ช่วยเพิ่มยอดสมัครสมาชิกใหม่ก็คือ “Squid Game” สร้างสถิติการฉายรอบปฐมทัศน์บน Netflix ด้วยจำนวนผู้ชม 68 ล้านคนในสัปดาห์แรก

ด้วยตัวเลขที่ค่อนข้างแข็งแกร่งอาจทำให้บริษัทมีความมั่นใจที่จะปรับขึ้นราคาการสมัครสมาชิกรายเดือน หลังจากที่การปรับราคาค่าบริการครั้งล่าสุดของ Netflix นั้นเกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2023 โดยค่าบริการใหม่นั้นจะมีการปรับดังนี้

  • แพคเกจรับชมมาตฐานแบบไม่มีโฆษณาจะต้องจ่ายเงิน 17.99 ดอลลาร์ จ่ายเพิ่มขึ้น 2.50 ดอลลาร์ (เพิ่มขึ้นราวๆ 16.1%) จากราคาเดิม
  • แพคเกจแบบมีโฆษณา ค่าบริการจะปรับขึ้นจาก 6.99 ดอลลาร์เป็น 7.99 ดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 14.3%)
  • แพคเกจสูงสุดรับชมความละเอียด 4K ได้นั้นราคาจะปรับเป็น 24.99 ดอลลาร์หรือประมาณ 8.7%

จากค่าบริการที่ปรับขึ้น ทาง Netflix คาดการณ์ว่าจะมีรายได้ 10,400 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสปัจจุบัน เพิ่มขึ้น 11.2% ต่อปี ส่วนรายได้สุทธิโดยประมาณสำหรับไตรมาสแรกของปี 2025 คือ 2,440 ล้านดอลลาร์

ส่วนการคาดการณ์รายได้ทั้งปี 2025 Netflix คาดว่าน่าจะอยู่ราวๆ 43,500 – 44,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ เนื่องจากรายการยอดนิยมบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจะกลับมาอีกฉายครั้งในปี 2025 เช่น “Squid Game ซีซัน 3”, “Wednesday” และ “Stranger Things ซีซั่น 5” ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Netflix พุ่งขึ้น 14.4% หลังปิดตลาด

ที่มา https://www.phonearena.com/news/netflix-raises-prices-after-reporting-a-strong-quarter_id166840