เรียกว่าสร้างความตื่นตัวเกี่ยวกับ AI เมื่อแอป DeepSeek จากบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีของจีน ขึ้นแท่นแอปฟรีที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดใน App Store ของ Apple เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดประเด็นการแข่งขันทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้ง

การที่แอป DeepSeek มียอดดาวน์โหลดมหาศาล เนื่องจากคนอยากรู้ถึงความสามารถของคู่แข่ง ChatGPT ว่าทำอะไรได้บ้าง แต่สิ่งที่ทำให้ผู้สังเกตการณ์ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ บางส่วนกังวลคือ สตาร์ทอัพจีนอาจไล่ทันเทคโนโลยี Gen AI ของบริษัทสหรัฐ ในราคาค่าบริการที่ถูกกว่ามาก
DeepSeek คือใคร?
DeepSeek คือ สตาร์ทอัพที่ก่อตั้งโดย Liang Wenfeng ในปี 2023 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน โดยได้เงินลงทุนจาก High-Flyer กองทุนบริหารความเสี่ยงชั้นของจีนซึ่ง Liang Wenfeng ซีอีโอของ DeepSeek เคยร่วมก่อตั้งนั่นเอง
เมื่อปี 2022 กองทุน High-Flyer เอา AI มาช่วยเรื่องของการการซื้อขายเชิงปริมาณในล็อตใหญ่ๆ ซึ่งทางกองทุนได้ใช้ชิปประมวลผลกราฟิกประสิทธิภาพสูง A100 ของ Nvidia จำนวน 10,000 ตัวมาสร้างและรันระบบ AI แต่ไม่นานหลังจากนั้น สหรัฐอเมริกาก็ได้จำกัดการขายชิปเหล่านั้นให้กับจีน

ในช่วงปลายปี 2023 ทาง DeepSeek ก็ได้เปิดตัวโมเดลภาษา AI ขนาดใหญ่รุ่นแรก จากนั้นก็มีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง ส่วนโมเดล AI ตัวล่าสุดนั้น สร้างขึ้นด้วยชิป H800 ประสิทธิภาพต่ำกว่าของ Nvidia ซึ่งไม่ได้ถูกห้ามขายในจีน นี่เป็นการส่งสัญญาณว่าอาจไม่จำเป็นต้องใช้ฮาร์ดแวร์แรงๆสำหรับการวิจัย AI ที่ล้ำสมัย
DeepSeek เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น หลังจากที่เปิดตัวโมเดล AI ใหม่เมื่อเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเคลมว่ามีความสามารถใกล้เคียงกับโมเดลที่คล้ายกัน เช่น OpenAI แต่ประหยัดต้นทุนกว่า เพราะใช้ใช้ชิป Nvidia ราคาไม่แพงในการฝึกระบบด้วยข้อมูลจำนวนมาก พอปล่อยแอปลง Apple และ Google ก็ทำให้คนเข้าถึงมากขึ้น
หลังจากที่มีการปล่อยบทความวิจัย DeepSeek ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วทำให้เกิดความตื่นตระหนกครั้งใหญ่ตามมา ด้วยความสามารถของโมเดล R1 แสดงให้เห็นถึงทักษะ “การใช้เหตุผล” ขั้นสูง เช่น การคิดใหม่เพื่อแก้แก้ปัญหาโจทย์คณิตศาสตร์ และที่สำคัญมีราคาถูกกว่าโมเดล o1 ของ OpenAI อย่างเห็นได้ชัด
นั่นหมายความว่า DeepSeek สามารถพัฒนา AI ให้ก้าวหน้าโดยไม่ต้องจ่ายเงินในจำนวนที่เท่ากันบริษัทจากสหรัฐ อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนด้าน AI มูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์ของ OpenAI, Oracle และ SoftBank ที่ทรัมป์เคยโฆษณาที่ทำเนียบขาว
ผลที่ตามมาคือ ราคาหุ้นของ Nvidia ร่วงลง 17% เมื่อวันจันทร์ แต่บริษัทได้ออกแถลงการณ์ชื่นชมผลงานของ DeepSeek ว่าเป็น “ความก้าวหน้าด้าน AI ที่ยอดเยี่ยม” ซึ่งใช้ประโยชน์จาก “โมเดลที่มีอยู่ทั่วไปและการคำนวณที่สอดคล้องกับการควบคุมการส่งออกอย่างสมบูรณ์”

สิ่งที่ทำให้ DeepSeek แตกต่าง?
สิ่งที่ทำให้ DeepSeek แตกต่างจากคู่แข่งอย่าง OpenAI ก็คือ โมเดล AI นี้เป็นโมเดล “โอเพนซอร์ส” หมายความว่าทุกคนสามารถเข้าถึงและแก้ไขส่วนประกอบสำคัญได้ฟรี แม้ว่าบริษัทจะไม่ได้เปิดเผยว่าใช้ข้อมูลจากแหล่งไหนมาใช้ในการฝึกอบรมdH9k,
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ โมเดล R1 ของ DeepSeek ที่ Nvidia เรียกว่า “ตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของ Test Time Scaling” หรือเมื่อโมเดล AI แสดงกระบวนการคิดอย่างมีประสิทธิภาพ จากนั้นจึงใช้กระบวนการคิดนั้นในการฝึกอบรมเพิ่มเติมโดยไม่ต้องป้อนแหล่งข้อมูลใหม่
เรียกว่าบริษัทจีนหายใจรดต้นคอสหรัฐมากขึ้น ด้วยระยะเวลาที่สั้นกว่า ใช้เงินทุนพัฒนาน้อยกว่า นั่นทำให้ OpenAI หรือแม้แต่ Google ที่เป็นผู้นำเริ่มหนาวๆร้อนๆขึ้นมาบ้างแล้ว
ที่มา https://apnews.com/article/deepseek-ai-china-f4908eaca221d601e31e7e3368778030