Apple เปิดตัว iPad Air พร้อมชิป M3 ที่แรงขึ้น รองรับ Apple Intelligence พร้อม Magic Keyboard ใหม่

iPad Air พร้อมชิป M3 สามารถเสริมศักยภาพให้ผู้ใช้ทำงานและสร้างสรรค์ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ตั้งแต่ครีเอทีฟไฟแรงที่ทำงานกับไฟล์ขนาดใหญ่และใช้แอปที่ต้องประมวลผลหนักๆ จนถึงนักเดินทางที่ตัดต่อคอนเทนต์ขณะอยู่นอกสถานที่
ชิป M3 มาพร้อม CPU แบบ 8-core ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น ทำให้เวิร์กโฟลว์ CPU แบบหลายเธรดเร็วขี้นสูงสุด 35% เมื่อเทียบกับ iPad Air พร้อมชิป M1 ขณะที่ GPU แบบ 9-core ในชิป M3 ก็มอบประสิทธิภาพด้านกราฟิกที่เร็วกว่าชิป M1 สูงสุด 40% ยิ่งไปกว่านั้น ชิป M3 ยังนำสถาปัตยกรรมกราฟิกสุดล้ำของ Apple มาไว้บน iPad Air เป็นครั้งแรก พร้อมทั้งรองรับ Dynamic Caching รวมไปถึงการให้แสงเงาแบบเมชและเรย์เทรซซิ่งที่เร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ ซึ่งสำหรับเวิร์กโฟลว์การเรนเดอร์ที่เน้นกราฟิกหนักๆ ก็ต้องบอกว่า iPad Air พร้อมชิป M3 มีประสิทธิภาพเร็วกว่า iPad Air พร้อมชิป M1 สูงสุด 4 เท่า จึงทำให้แสงเงาและภาพสะท้อนนั้นถูกต้องแม่นยำขึ้น แถมยังมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่สวยงามสมจริงแบบสุดๆ
Neural Engine ที่เร็วขึ้นในชิป M3 ทำให้ผู้ใช้ iPad Air สัมผัสความสามารถด้าน AI ที่มากยิ่งขึ้นใน iPadOS โดย Neural Engine ในชิป M3 นั้นเร็วขึ้นสูงสุด 60% สำหรับเวิร์กโหลดด้าน AI เมื่อเทียบกับชิป M1
นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้านอื่นๆ ที่ดีขึ้นกว่า iPad รุ่นที่ใช้ชิปตระกูล A ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการรองรับ Apple Intelligence หรือขนาดที่มีให้เลือกทั้ง 11 นิ้ว และ 13 นิ้ว รวมถึงการรองรับอุปกรณ์เสริมสุดล้ำอย่าง Magic Keyboard ใหม่ และ Apple Pencil Pro

iPad Air: สร้างมาเพื่อ Apple Intelligence
iPad Air สร้างมาเพื่อ Apple Intelligence ซึ่งเป็นระบบอัจฉริยะส่วนบุคคลที่จะนำเสนอสิ่งดีๆ ที่ชาญฉลาดและมีประโยชน์4 อย่างเครื่องมือ “ลบออก” ในแอปรูปภาพที่ช่วยลบสิ่งรบกวนสายตาในภาพได้ง่ายๆ หรือการค้นหาด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ค้นหารูปภาพหรือวิดีโอได้แทบทั้งหมด เพียงแค่อธิบายสิ่งที่ต้องการค้นหา ส่วนไม้เสกภาพในแอปโน้ตก็จะช่วยให้ผู้ใช้ตกแต่งโน้ตด้วยภาพได้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้นโดยการเปลี่ยนภาพสเก็ตช์คร่าวๆ เป็นภาพที่สวยงาม เพียงแค่วาดวงกลมล้อมรอบภาพสเก็ตช์ด้วย Apple Pencil หรือวาดวงกลมรอบพื้นที่ว่างๆ ภายในโน้ต แล้วไม้เสกภาพก็จะรวบรวมบริบทจากบริเวณรอบๆ เพื่อเนรมิตรูปภาพที่เข้ากันและทำให้โน้ตมีภาพที่สวยงามยิ่งขึ้น

Apple Intelligence ช่วยให้ผู้ใช้ได้ลองใช้วิธีใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์ในการถ่ายทอดความเป็นตัวเองด้วยภาพโดยใช้ Image Playground แล้วสร้างอิโมจิในแบบที่ถูกใจด้วย Genmoji หรือปรับการเขียนให้มีความลื่นไหลมีชีวิตชีวายิ่งขึ้นด้วยเครื่องมือการเขียน และวันนี้ผู้ใช้ยังสามารถพิมพ์โต้ตอบกับ Siri ได้ ในขณะที่ Siri เองก็มีความสามารถในการสนทนาที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และจับใจความได้ถึงแม้ผู้ใช้จะพูดตะกุกตะกัก นอกจากนี้ Siri ยังสามารถรักษาบริบทของบทสนทนาแล้วนำไปปรับใช้กับบทสนทนาถัดไปได้ อีกทั้งยังมีความรอบรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ซึ่งช่วยให้ Siri สามารถตอบคำถามหลายพันคำถามเกี่ยวกับคุณสมบัติและการตั้งค่าของผลิตภัณฑ์ Apple ผู้ใช้จึงสามารถเรียนรู้วิธีทำสิ่งต่างๆ อย่างการบันทึกวิดีโอหน้าจอได้

ผู้ใช้สามารถนำความเชี่ยวชาญของ ChatGPT มาใช้โดยไม่ต้องสลับไปมาระหว่างแอปพลิเคชัน เพราะ ChatGPT จะผสานรวมเข้ากับเครื่องมือการเขียนและ Siri แบบไร้รอยต่อ เพื่อให้ผู้ใช้ทำสิ่งต่างๆ เสร็จได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้น นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถเข้าถึง ChatGPT ได้ฟรีโดยไม่ต้องสร้างบัญชี และมั่นใจได้ว่าจะได้รับการปกป้องความเป็นส่วนตัวโดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม ทั้งการอำพรางที่อยู่ IP และการที่ OpenAI ไม่จัดเก็บข้อมูลคำขอ ทั้งยังสามารถเลือกได้ด้วยว่าจะเปิดใช้การผสานรวมกับ ChatGPT หรือไม่ และควบคุมได้เต็มที่ว่าจะใช้เมื่อใด และแชร์ข้อมูลอะไรบ้างกับ ChatGPT
Apple Intelligence ออกแบบมาเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ในทุกขั้นตอนโดยใช้การประมวลผลบนอุปกรณ์ ซึ่งหมายความว่าโมเดลหลายๆ ตัวที่ขับเคลื่อน Apple Intelligence ต่างทำงานทั้งหมดบนอุปกรณ์ และสำหรับคำขอที่ต้องเข้าถึงโมเดลขนาดใหญ่ขึ้นก็มี Private Cloud Compute หรือการประมวลผลบนคลาวด์แบบส่วนตัว ซึ่งจะขยายขอบเขตความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของ iPad ไปยังระบบคลาวด์เพื่อปลดล็อคความอัจฉริยะที่มากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะเมื่อใช้การประมวลผลบนคลาวด์แบบส่วนตัว จะไม่มีการจัดเก็บหรือแชร์ข้อมูลของผู้ใช้กับ Apple อย่างเด็ดขาด และจะใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อทำตามคำขอเท่านั้น
Magic Keyboard แบบใหม่สำหรับ iPad Air
Magic Keyboard แบบใหม่หมดสำหรับ iPad Air ให้ผู้ใช้ทำอะไรๆ ได้มากกว่าเดิม อีกทั้งยังมีแทร็คแพดในตัวที่ใหญ่ขึ้นเพื่อช่วยให้จัดการกับงานที่ต้องใช้ความละเอียดได้แม่นยำยิ่งกว่าเดิม และแถวปุ่มฟังก์ชั่น 14 ปุ่มใหม่ก็ช่วยให้เข้าถึงคุณสมบัติต่างๆ อย่างความสว่างหน้าจอและการควบคุมระดับเสียงได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ Magic Keyboard ใหม่ยังติดเข้ากับตัวเครื่องด้วยแม่เหล็กโดยมี Smart Connector ที่จะเชื่อมต่อเพื่อจ่ายไฟและรับส่งข้อมูลในทันทีโดยไม่ต้องใช้ Bluetooth ส่วนบานพับอะลูมิเนียมที่ตัดแต่งด้วยเครื่องจักรก็มาพร้อมช่องต่อ USB-C สำหรับชาร์จ โดย Magic Keyboard ใหม่สำหรับ iPad Air มาในสีขาวพร้อมดีไซน์มหัศจรรย์แบบยกลอยที่ลูกค้าชื่นชอบ ในราคาเริ่มต้นเพียง 9,990 บาท สำหรับรุ่น 11 นิ้ว และ 10,990 บาท สำหรับรุ่น 13 นิ้ว

iPad ใหม่ชิป A16 เพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเริ่มต้นขึ้นสองเท่า
นอกจากนั้น Apple ยังได้อัปเดต iPad ให้มาพร้อมชิป A16 และเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเริ่มต้นขึ้นสองเท่า เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่ายิ่งขึ้น โดยชิป A16 มอบประสิทธิภาพที่สูงขึ้นแบบก้าวกระโดดสำหรับการทำงานและการใช้งานทั่วไปใน iPadOS ขณะที่แบตเตอรี่ก็ยังคงใช้งานได้ตลอดวัน ซึ่ง iPad ที่อัปเดตใหม่พร้อมชิป A16 นั้นเร็วขึ้นเกือบ 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และมีประสิทธิภาพโดยรวมเพิ่มขึ้นสูงสุด 50% เมื่อเทียบกับ iPad พร้อมชิป A13 Bionic5 ยิ่งกว่านั้น ชิป A16 ยังทำให้ iPad ที่อัปเดตใหม่นี้เร็วกว่าสูงสุด 6 เท่า เมื่อเทียบกับแท็บเล็ต Android ที่ขายดีที่สุด6

ราคาและวันวางจำหน่าย
- iPad Air รุ่น 11 นิ้ว รุ่น Wi-Fi ราคาเริ่มต้นที่ 21,900 บาทและรุ่น สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular ราคาเริ่มต้น 27,900 บาท
- iPad Air รุ่น 13 นิ้ว รุ่น Wi-F ราคาเริ่มต้นที่ 28,900 บาท และ รุ่น Wi-Fi + Cellular ราคาเริ่มต้น 34,900 บาท
- Magic Keyboard รุ่น 11 นิ้ว มีราคา 9,990 บาท ส่วน Magic Keyboard รุ่น 13 นิ้ว ราคา 10,990 บาท
- iPad ใหม่มาพร้อมพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเริ่มต้นที่ 128GB/ 256GB/ 512GB มี 4 สีคือ สีฟ้า สีชมพู สีเหลือง และสีเงิน รุ่น Wi-Fราคาเริ่มต้นที่ 12,900 บาท และ รุ่น Wi-Fi + Cellular เริ่มต้นที่ 18,900 บาท
- Magic Keyboard Folio สำหรับ iPad วางขายราคา 8,990 บาท ราคาส่งเสริมการศึกษาสำหรับ Magic Keyboard Folio อยู่ที่ 8,190 บาท