ผู้ใช้ไอโฟนมีความชื่นชอบและภักดีต่อมือถือของตัวเองมากกว่าเมื่อเทียบกับผู้ใช้แอนดรอยด์
นี่คือการสำรวจครั้งล่าสุดจาก Consumer Intelligence Research Partners (CIRP) ทำการวิเคราะห์พฤติกรรมความจงรักภักดีของผู้ใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลาติดต่อกัน 4 ไตรมาส เริ่มตั้งเดือนกรกฎาคม 2012 ถึงเดือนมิถุนายน 2013
จากข้อมูลของ CIRP พบว่า 81 % ของผู้ที่กำลังใช้ไอโฟนจะซื้อไอโฟนใหม่อีกเครื่องภายในระยะเวลา 12 เดือนที่ทำการสำรวจ ทางฟากของแอนดรอยด์มีผู้ใช้ 68 % ที่ซื้อแอนดรอยด์ใหม่อีกเครื่อง
ถ้าดูตัวเลขก็ถือว่าแตกต่างกันไม่มากแค่ 13 % เท่านั้นเอง แต่ความสำคัญไปอยู่ที่การวิเคราะห์ชั้นที่ 2 นั่นก็คือการย้ายระบบปฏิบัติการไปใช้อีกแพลตฟอร์มนึง
ในระหว่างช่วงเวลาที่ CIRP ทำการสำรวจ พบว่าตัวเลขผู้ใช้แอนดรอยด์เปลี่ยนมาใช้ไอโฟนสูงกว่าเปลี่ยนจากไอโฟนไปใช้แอนดรอยด์เกือบๆ 3 เท่า แอปเปิ้ลสามารถแย่งผู้ใช้แอนดรอยด์มาได้ 20 % ส่วนแอนดรอยด์สามารถแย่งผู้ใช้จากไอโฟนมาได้แค่ 7% เท่านั้น
ไม่เพียงแต่ผู้ใช้แอนดรอยด์มีแนวโน้มเปลี่ยนมาใช้ไอโฟนมากกว่า แต่คนกลุ่มนี้ยังมีแนวโน้มที่จะซื้อไอโฟนต่อไปอีก. ( จุดอ่อนของการสำรวจครั้งนี้ก็คือ ไม่มีการเก็บข้อมูลผู้ใช้แอนดรอยด์ืั้เปลี่ยนมาใช้ไอโฟน แล้วทำการซื้อไอโฟนอีกเครื่องเมื่อมีรุ่นใหม่วางตลาดหลังจากใช้ไอโฟนเครื่องแรกไปแล้ว)
พูดแบบกว้างๆก็คือผู้ที่ใช้ไอโฟนจะมีความจงรักภักดีกับไอโฟนมากกว่าผู้ใช้แอนดรอยด์ ทำไมล่ะ?
Josh Lowitz ผู้ร่วมก่อตั้ง CIRP ให้เหตุผลว่า ความจงรักภักดีต่อผลิตภัณฑ์เกิดจากการที่ของสิ่งนั้นตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ได้ และผู้ใช้มีความเชื่อว่าแพลตฟอร์มนั้นจะตอบสนองความต้องการได้อย่างต่อเนื่องและดีกว่าแพลตฟอร์มอื่น สำหรับความภักดีของคนที่ใช้ iOS เกิดขึ้นทั้งจากประสบการณ์การใช้งาน รวมถึงสร้างความพึงพอใจในการครอบครอง ส่วนแอนดรอยด์นั้น ผู้ใช้ยังไม่มความมั่นใจในเรื่องการเปลี่ยนแบรนด์ เพราะผู้ผลิตต่างกัน ฟีเจอร์ก็ต่างกัน จึงทำให้ผู้ใช้แอนดรอยด์เปิดกว้างสำหรับมือถือรุ่นใหม่ๆ
การที่มีมือถือให้เลือกมากมายเป็นสาเหตุที่ทำให้ความภักดีน้อยลง แอนดรอยด์ยังมีความไม่แน่นอนเรื่องรุ่นมือถืือที่มีตัวเลือกเยอะ เรียกว่ามีสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงออกมาใหม่ทุก 2+3 เดือนจึงทำให้ตัดสินใจยากขึ้น ไม่รู้จะเอาอันไหนดี ส่วนไอโฟนจะออกรุ่นใหม่แค่ปีละรุ่นเท่านั้น ผู้ใช้จึงรู้ระยะเวลาว่าจะเปลี่ยนเครื่องได้เมื่อไหร่
VIA Allthingsdigital