บริษัทโฆษณาบนมือถือหลายแห่งให้ข้อมูลใกล้เคียงกัน ยอดผู้ใช้ของแอปเปิ้ลที่ทยอยอัพเดทระบบปฏิบัติการเป็น iOS 7 เร็วกว่าเมื่อเทียบกับผู้ใช้แอนดรอยด์ที่อัพเดทเป็น Android Jellybean 4.2

Ad network Chitika รายงานว่าภายใน 24 ชั่วโมงแรกที่แอปเปิ้ลปล่อย iOS 7 ให้ผู้ใช้อุปกรณ์ของแอปเปิ้ลได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน พบว่ามีผู้ใช้พากันอัพเดทระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่มากถึง 18 % ของผู้ใช้ไอแพดและไอโฟน

ส่วนรายงานจากบริษัทวิจัยอีกแห่งก็บอกว่าการยอมรับระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน. ทาง MixPanel อ้างว่ามีผู้ใช้ไอโฟนและไอแพดถึง 35 % ที่ทำการอัพเดท iOS เป็นเวอร์ชั่นใหม่ภายใน 24 ชั่วโมงที่แอปเปิ้ลปล่อยออกมา โดยตัวเลขพุ่งขึ้นไปแตะที่ 22% เมื่อเวลาผ่านไปแค่ 10 ชั่วโมงเท่านั้น ทาง MixPanel คาดการณ์ว่านับถึงตอนนี้น่าจะมีเครื่องที่ลง iOS 7 ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 50 %

การที่คนแห่ดาวน์โหลดระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่อย่างรวดเร็วนั้นก็ก่อผลกระทบเช่นกัน จากข้อมูลของบริษัท London Network Access Point พบว่าปริมาณการใช้ข้อมูลข้ามเครือข่ายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 30 gigabits per second มาเป็น 60 gigabits per second ในช่วง 21:30 น. ทางบริษัทไม่เคยเจอช่วงเวลาที่เครือข่ายต้องโหลดข้อมูลหนักๆแบบนี้มาก่อน  ภายใน 20 นาทีหลังจาก iOS 7 เปิดให้ดาวน์โหลด ปริมาณทราฟฟิคบนอินเตอร์เน็ตก็พุ่งขึ้นมากกว่า 200 gigabits per second.

เมื่อเทียบกับผู้ใช้มือถือแอนดรอยด์ จำนวนเครื่องที่อัพเดทเป็น Jelly Bean เวอร์ชั่นล่าสุดมีแค่ 8.5% เท่านั้น (แต่ตัวเลขนี้ไม่ใช่ตัวเลขอย่างเป็นทางการนะ อาจจะสูงกว่านี้ ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้ใช้แอนดรอยดือัพเดทช้าก็คือปัญหาเรื่อง fragmentation นั่นเอง) ทางกูเกิลเองก็เตรียมปล่อยระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นต่อไป KitKat ในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ การที่แอปเปิ้ลสามารถควบคุมและจัดการระบบปฏิบัติได้เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผู้ใช้มั่นใจ อัพเดทระบบปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว เมื่อตอนที่ให้สัมภาษณ์กับ Business Week ผู้บริหารของแอปเปิ้ล Tim Cook ก็แอบกัดกูเกิลเกี่ยวกับเรื่อง fragmentation ของแอนดรอยด์ด้วย

หลายๆบริษัทด้านความปลอดภัยยังวิจารณ์การทำงานของกูเกิลว่าไม่พยายามกดดันผู้ผลิตมือถือให้อัพเดทมือถือรุ่นเก่าให้เป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่ปลอดภัยกว่า ซึ่งทางกูเกิลเองก็บอกว่าอยู่ระหว่างการเจรจาอยู่

VIA t3