วันนี้ Apple Music จะเปิดตัวให้ลองใช้เป็นวันแรก ซึ่งนี่ถือเป็นอีกโปรเจคใหญ่ด้านดนตรีนับตั้งแต่เปิดตัว iTunes Store ตั้งแต่ปี 2003

apple-music-logo-pre-launch-500x333

สิ่งที่แตกต่างจาก iTunes Store ก็คือ Apple Music จะไม่ได้ขายเพลงแบบดาวน์โหลดเป็นเพลงๆหรืออัลบั้ม แต่ผู้ใช้จะต้องเสียค่าบริการรายเดือน เพื่อฟังเพลงผ่านระบบสตรีมมิ่งได้แบบไม่จำกัด ซึ่งตอนนี้ก็มีหลายล้านเพลงให้เลือกฟัง

บริการฟังเพลงผ่านสตรีมมิ่งถือว่าได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ คู่แข่งอย่าง Spotify และ Google ที่เข้าตลาดมาก่อน แม้แอปเปิ้ลจะมาทีหลังแต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณบอกว่าการแข่งขันดุเดือดแน่นอน นี่คือข้อมูลที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจใช้บริการ

Apple Music ทำอะไรได้บ้าง?

Apple Music เปิดให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงคลังเพลงจำนวนมหาศาล อยากฟังเมื่อไหร่ก็ได้ โดยผู้ใช้สามารถสร้าง playlist เองหรือฟัง playlist ที่คนอื่นสร้างไว้แล้ว นอกจากนั้นสามารถดาวน์โหลดไว้ฟังแบบ offline ได้ด้วย ส่วนฟีเจอร์ต่างๆก็เหมือนกับบริการสตรีมมิ่งทั่วไป

ทาง Apple เองก็พยายามสร้างความง่ายให้กับผู้ใช้ ในการสลับไปมาระหว่างเพลงที่มีในเครื่องกับเพลงที่ฟังผ่านสตรีมมิ่ง โดย Apple Music จะอัพโหลดเพลงใน library ที่ไม่มีใน Apple music ไปยัง icloud อัตโนมัติ เพื่อให้เล่นสตรีมมิ่งจากอุปกรณ์เครื่องอื่นๆได้ รวมถึงใช้พื้นที่เก็บเพลงในเครื่องน้อยลง ซึ่งผู้ใช้สามารถเก็บเพลงบน cloud ได้มากสุด  25,000 เพลง ซึ่งแอปเิป้ลวางแผนที่จะเพิ่มเป็น 100,000 เพลงภายในฤดูใบไม้ร่วงนี้

ค่าบริการเท่าไหร่?

ค่าบริการรายเดือนมีราคาเดียวคือ $9.99 ต่อเดือนหรือประมาณ 330 บาทค่ะ (ส่วนในไทยมีข่าวลือว่าจะถูกกว่า) นอกจากนั้นยังมี family plan สามารถใช้ได้ถึง 6 คน ราคาอยู่ที่ $15 ต่อเดือน

อุปกรณ์ไหนใช้งานได้บ้าง?

Apple Music สามารถใช้งานได้ทั้งบน PC, Mac, Apple Watch และอุปกรณ์ iOS ที่เป็น iOS 8 หรือใหม่กว่า ส่วนแอนดรอยด์จะสามารถใช้งานได้ในฤดูใบไม้ร่วงนี้

จะดาวน์โหลด Apple Music ได้ยังไง?

สำหรับผู้ใช้ไอโฟน เพียงแค่อัพเดทระบบปฏิบัติการเป็น iOS 8.4 ที่จะปล่อยในวันนี้เท่านั้นเอง ซึ่งช่วงแรกจะเปิดให้ทดลองใช้ฟรี 3 เดือนค่ะ

VIA TIME