นักพัฒนาสีเทาๆหลายรายเริ่มใช้ช่องโหว่ของนโยบายของ Apple ในการลงโฆษณาแอปเพื่อให้ผู้ใช้ค้นหาแอปของตัวเองเจอ จากนั้นก็หลอกล่อให้สมัครบริการ subscriptions เพื่อหลอกเอาเงิน

App Store

In-app subscriptions

ดูเหมือนว่า Apple ะเจอปัญหาใหม่ซะแล้ว เมื่อ Johnny Lin นักพัฒนาที่เคยทำงานกับแอปเปิ้ลออกมาเขียนบทความลง Medium post แฉปัญหาใหม่ที่กำลังลุกลามในวงกว้างขึ้นโดยที่ยังไม่มีการป้องกัน โดยนักพัฒนาสีเทาๆหลายคนเริ้มใช้วิธีลงโหษณา และทำ SEO เพื่อให้คนเห็นและโหลดแอปของตัวเอง จากนั้นก็หลอกล่อให้สมัครใช้บริการจนทำให้มีรายได้เดือนนึงหลายหมื่นดอลล่าร์

หนึ่งในแอปเจ้าปัญหาก็คือ  “Mobile protection :Clean & Security VPN” ที่จะมีค่าบริการ 99.99 ดอลล่าร์ต่อสัปดาห์ แต่เมื่อจ่ายเงินแล้วกลับใช้งานไม่ได้จริงเหมือนที่อวดอ้างเอาไว้ทำให้เสียเงินไปฟรีๆ จากข้อมูลของ Sensor Tower บริษัทการตลาดพบว่าเจ้าของแอปนี้มีรายได้เดือนละ 80,000 ดอลล่าร์หรือ 270,000 บาท เลยทีเดียว แม้ทาง Apple จะถอดแอปนี้ออกไปแล้ว ก็ยังมีแอปใหม่ที่ใช้วิธีการแบบเดียวกันโผล่ขึ้นมาอีกเรื่อยๆ

 

ยกตัวอย่างเช่น แอป “QR code –” ที่ติดอันดับแอปเสียเงินอันดับ 8 ที่มีคนดาวน์โหลดมากที่สุดในหมวด utility ซึ่งแอปนี้บรรยายสรรพคุณว่าสามารถสแกน QR code ได้ทุกรูปแบบ เมื่อเปิดแอปขึ้นมาก็จะมีตัวเลือกให้ 2 ทางคือ ทดลองใช้ฟรีหรือสมัครสมาชิกแบบเสียค่าบริการ (ค่าสมัครอยู่ที่ $0.99 ต่อสัปดาห์หรือ $4.99 ต่อเดือน) แต่ถ้าคุณเลือกดทดลองใช้งานงานฟรีโดยที่ไม่อ่านเงื่อนไขการใช้งานก็เท่ากับว่าโดนหลอกให้เสียเงินฟรี เพราะเมื่อหมดช่วงใช้ฟรีเมื่อไหร่มันก็จะสมัครบริการเสียเงินให้อัตโนมัติทันที ซึ่งผู้ใช้หลายคนมักจะโดนต้มด้วยวิธีนี้ นอกจากนั้นยังมีแอปในหมวดอื่นๆอีกหลายแอปที่ใช้การหลอกล่อด้วยวิธีนี้ เช่น แอปแปลภาษา, แอป antivirus

สิ่งที่ทำให้แอปเหล่านี้หลุดรอดการตรวจสอบมาได้เพราะทาง Apple ได้เริ่มเปลี่ยนนโยบายการตรวจสอบแอปใหม่มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ด้วยการลดเวลาการตรวจสอบแอปให้สั้นลงเพื่อดึงดูดให้นักพัฒนาทำแอปมากขึ้น จากข้อมูลของ appreviewtimes.com รายงานว่าเดิมที่ต้องใช้เวลาตรวจสอบหลายวันหรือยาวเป็นสัปดาห์ ก็ลดลงเหลือแค่เฉลี่ย 1 วันเท่านั้นเอง

 ทาง Lin ได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหา คือ Apple ต้องใช้เวลาตรวจสอบแอปที่มีการสมัครเสียค่าบริการอย่างละเอียด ทั้งในเรื่องของการใช้งานได้จริง รวมถึงขั้นตอนการสมัคร เพราะหลายๆแอปนั้นแค่สแกนนิ้วมือด้วย TouchID ก็สมัครได้แล้ว แถมบางแอปเมื่อสมัครไปแล้วการยกเลิกก็ทำได้ยากด้วย สิ่งที่เร่งด่วนก็คือต้องหาวิธีป้องกันให้กับผู้ใช้เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่ออีก ถ้าไม่รีบสิ่งนี้ก็จะค่อยๆทำลายชื่อเสียที่สะสมมาไปเรื่อยๆ