เทคโนโลยีจอ OLED นั้นมักจะเจอปัญหา “burn-in” อยู่แล้ว ดังนั้นใครที่ใช้ iPhone X ก็ต้องระมัดระวังในการใช้งานเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้

iPhone X

iPhone X

ปกติแล้วที่ผ่านมาผู้ใช้ iPhone เองไม่จำเป็นต้องระวังเรื่องการใช้งานจอมากนัก เพราะทาง Apple เลือกใช้จอ LCD IPS ที่มักจะไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิกในการใช้งาน แต่ปีนี้เองแอปเปิ้ลก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยหารหันมาใช้จอ OLED กับ iPhone X เป็นครั้งแรก ซึ่งปัญหาใหญ่ของจอชนิดนี้ก็คือหน้าจอ burn-in

burn-in คืออะไร?

จอ burn-in คือการที่เราเปิดจอค้างไว้เป็นเวลานานติดต่อกัน ส่งผลทำให้เกิดภาพค้างติดที่หน้าจอโดยไม่เปลี่ยนเป็นภาพอื่น ซึ่งปัญหานี้จะเกิดกับจอ OLED โดยเฉพาะทีวี แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นก็มีเทคนิคใหม่ๆช่วยป้องกันปัญหา burn-in เช่น แอปเปิ้ล ใช้เทคโนโลยี pixel-shifting technology ช่วยให้ไอคอนต่างๆบนหน้าจอ ขยับได้ (อย่าง Wi-Fi, battery และสัญญาณมือถือ) เพื่อไม่ให้ภาพค้างที่หน้าจอเป็นเวลานานๆในตำแหน่งเดิมเป็นประจำ นอกจากนั้นปัญหา burn-in ในบางเคสก็อาจทำให้สีของหน้าจอเปลี่ยนไปปได้ด้วยหลังใช้งานไป 2-3 ปี รู้อย่างนี้แล้วเรามาดูวิธีป้องกันเบื้องต้นกันค่ะ

วิธีป้องกันปัญหาจอ burn-in

อัพเดท iOS ให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่เสมอ – ทาง Apple ได้พัฒนาซอฟท์แวร์เพื่อช่วยสู้กับปัญหาจอ burn-in ดังนั้นเราควรอัพเดท iOS เป็นเวอร์ชั่นใหม่ เพราะไม่ใช่แค่จะได้ใช้ฟีเจอร์ใหม่แต่ยังมีเทคโนโลยีใหม่ๆช่วยป้องกันปัญหาหน้าจอด้วย

ปรับ Auto-Brightness ช่วยได้ – เราสามารถเปิดการทำงาน auto-brightness ช่วยปรับความสว่างของหน้าจอให้อัตโนมัติตามความสว่างของสภาพแวดล้อมที่เราใช้งานอยู่ แม้หลายคนอาจจะไม่ชอบฟีเจอร์นี้แต่ในระยะยาวมันช่วยถนอมหน้าจอให้ใช้งานได้นานขึ้น

ตั้งค่าเวลา auto-locks ให้สั้นลง – เพื่อป้องกันการเปิดหน้าจอค้างเป็นเวลานานๆ เราควรตั้งเวลาล็อคหน้าจออัตโนมัติให้สั้นลง ถ้าคุณเคยตั้งเวลาให้ล็อคเครื่องใน 1 นาที ก็ปรับให้สั้นลงเหลือแค่ 30 วินาทีพอ

อย่างเปิดภาพหรือใช้แอปที่โชว์ภาพบนหน้าจอเป็นเวลานานๆ – แอปบางแอปนั้นจะเปิดภาพโชว์ที่หน้าจอค้างเป็นเวลานาน เช่น แอปนาฬิกา แอปตู้ปลา ซึ่งจะเปิดภาพค้างบนหน้าจอเป็นเวลานานๆติดต่อกัน ต้องบอกเลยว่าแอปประเภทนี้ไม่เหมาะกับการใช้บน iPhone X ถ้าเลี่ยงได้ไม่แนะนำให้โหลดมาใช้ค่ะ แต่ถ้าใครใช้จนติดแล้วก็ควรปรับความสว่างหน้าจอให้น้อยลง

ในกรณีที่เกิดปัญหาแล้ว ควรทำยังไงดี?

แน่นอนว่าแต่ละเครื่องจะมีปัญหา burn-in ไม่เท่ากัน ในกรณีที่เป็นหนักมากอาจจะต้องถึงขนาดเปลี่ยนหน้าจอใหม่เลย ถ้าอาการเล็กน้อยก็ยังพอแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง

  • ขั้นตอนแรกให้เราลองปิดเครื่องชั่วคราวสัก 15 าทีแล้วค่อยเปิดใหม่ ถ้าอาการเป็นไม่มาก ภาพที่ค้างก็จะหายไป
  • ถ้าภาพยังไม่หายไปลองกดใช้งานเครื่องตามปกติ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าภาพนี้จะหายไปเมื่อมีการใช้งานตามปกติ ทำแล้วยังไม่หายแนะนำให้ส่งศูนย์เพื่อเปลี่ยนจอใหม่เลยค่ะ

ทั้งหมดนี้เป็นการป้องกันการใช้งานเบื้องต้น ยังไงก็อย่าลืมลองเอาไปลองทำกันดูนะ

 

VIA iMore