ทุกคนที่ใช้สมาร์ตโฟนในปัจจุบันย่อมต้องเคยประสบพบเจอกับการช็อปปิ้งแอปพลิเคชันหรือคอนเทนต์ต่างๆผ่าน Store ของผู้ให้บริการแต่ละรายอยู่แล้วนะคะ.. และเราก็เชื่อว่ามีหลายครั้งที่แอปฯหรือคอนเทนต์ที่เราซื้อมานั้นไม่ตรงกับความต้องการของเรา.. หรือบางครั้งอุปกรณ์ในมือของเราก็ไม่รองรับ.. หรือแย่ไปกว่านั้นก็คือการซื้อ-ขายที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้เรื่องหรือไม่ยินยอม..
มีแฟนเพจ Ceemeagain ถามกันเข้ามาหลายรายค่ะว่า -การขอรับเงินคืน- จากการซื้อสินค้าผ่านสโตร์เหล่านี้ทำอย่างไร.. ใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะได้เงินคืน.. ซึ่งวันนี้เรามีการขอรับเงินคืนจากการซื้อสินค้าผ่าน -App Store- ของ Apple มาฝากกันค่ะ..
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจกับระบบการขอเงินคืนของ App Store ก่อนนะคะ.. ซึ่งระยะเวลาการคืนเงินจาก App Store หรือบริการอื่นๆของ Apple นั้น.. อาจใช้เวลาสูงสุดถึง 48 ชั่วโมงในการรับการอัปเดต และเวลาที่ใช้ในการแสดงเงินในบัญชีหรือใบแจ้งยอดของคุณจะขึ้นอยู่กับวิธีการชำระเงินด้วยค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะตัดผ่านบัตรเครดิตกันอยู่แล้วเนอะ..
การดำเนินเรื่องขอเงินคืนผ่าน App Store
- ให้เราเข้าไปที่ reportaproblem.apple.com พอเข้าไปแล้วระบบจะขึ้นหน้าให้เราใส่ Apple ID ของเราค่ะ
- เราก็ใส่ Apple ID ของเราลงไป.. โดยส่วนมากก็จะเป็นอีเมลของเรานั่นแหละค่ะ.. จากนั้นระบบก็จะขึ้นให้ใส่ -รหัสผ่าน-
- และหลังจากที่เราใส่รหัสผ่านแล้ว ระบบจะส่ง -รหัสยืนยัน- เกี่ยวกับการใช้งาน Apple ID ของเราไปที่อุปกรณ์ของเรา เป็นตัวเลข 6 หลักตามรูป
- จากนั้นเราก็นำตัวเลขเหล่านั้นมาใส่ในหน้านี้ค่ะ
- เมื่อเข้าระบบสำเร็จแล้ว App Store ก็จะแสดงแอปพลิเคชันในเครื่องของเรา ที่สามารถดำเนินการขอเงินคืนได้.. เพราะบางบริการก็ไม่สามารถขอเงินคืนได้นะคะ..
- จากนั้นเราก็เลือกแอปฯที่เราต้องการที่จะทำเรื่องขอเงินคืนขึ้นมา ซึ่งพอเลือกไปแล้วเขาจะมีให้เลือกถึงเหตุผลว่าเหตุใดจึงจะขอเงินคืน.. ก็ให้เราเลือกไปเลยค่ะ..
หลังจากเราเลือกแล้ว เรายังสามารถใส่เหตุผลเพิ่มเติมลงไปในช่องว่างที่เขาเว้นไว้ให้อีกด้วย แต่เหตุผลที่จะใส่ลงไป ต้องเป็นภาษาอังกฤษ เท่านั้นนะคะ.. เพราะผู้ให้บริการส่วนใหญ่จะมีฐานอยู่ในต่างประเทศค่ะ..
อย่างที่บอกไปข้างต้นนะคะว่าการรอการอนุมัติบางครั้งอาจกินเวลาถึง 48 ชั่วโมง รวมทั้งการรอรับเงินคืนก็สามารถมีระยะเวลาได้ตั้งแต่ 30 วัน ในกรณีการชำระค่าสินค้าและบริการอื่นๆ.. ไปจนถึง 60 วันหากเป็นการชำระค่าบริการโทรศัพท์.. โดยที่เราสามารถเข้าไปตรวจสอบสถานะของเราได้เรื่อยๆในลิ้งค์เดียวกันกับที่เรายื่นเรื่องขอเงินคืนไปค่ะ..