Apple ประกาศเปิดตัวชิปใหม่ M1 Ultra ด้วยการเอาชิป M1 max สองตัวมาเชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยีใหม่ UltraFusion ให้กลายเป็นชิปตัวเดียว ผลที่ได้คือชิปประสิทธิภาพแรงขึ้น แต่ใช้พลังงานต่ำ

พื้นฐานของชิป M1 Ultra ก็คือชิป M1 Max 2 ตัวที่มีการเชื่อมต่อแผ่นวงจรเข้าด้วยกันโดยใช้สถาปัตยกรรมการบรรจุชิปแบบเฉพาะที่ Apple พัฒนาขึ้นเองในชื่อ UltraFusion ต่างจากการเชื่อมต่อชิปสองตัวเข้าด้วยผ่านเมนบอร์ด ผลที่ได้คือ ความหน่วงที่ลดลง แบนด์วิดท์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการใช้พลังงานที่ลดลง
ด้วยการใช้ซิลิคอนอินเตอร์โพเซอร์ที่เชื่อมต่อชิปเข้าด้วยกันผ่านสัญญาณมากกว่า 10,000 จุด ทำให้มีแบนด์วิดท์ความหน่วงต่ำระหว่างโปรเซสเซอร์ที่สูงถึง 2.5TB/s หรือสูงกว่าถึง 4 เท่า เมื่อเทียบกับแบนด์วิดท์ของเทคโนโลยีชั้นนำที่ใช้ในการเชื่อมต่อชิปหลายตัวเข้าด้วยกัน และวิธีนี้ยังช่วยให้ชิป M1 Ultra ทำงานและดูเหมือนเป็นชิปตัวเดียวในมุมมองของซอฟต์แวร์อีกด้วย นักพัฒนาจึงสามารถใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพของชิปได้ทันทีโดยไม่ต้องเขียนโค้ดใหม่ ซึ่งแตกต่างจากอะไรๆ ที่เคยมีมาโดยสิ้นเชิง
ชิป M1 Ultra มาพร้อม CPU มากถึง 20 คอร์ แบ่งเป็นคอร์ประสิทธิภาพสูง 16 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงานสูง 4 คอร์ เร็วกว่า 90% เมื่อเทียบกับพีซีแบบ 16-core ที่เร็วที่สุดที่มีจำหน่ายถึง 90% ภายในกรอบการใช้พลังงานที่เท่ากัน นอกจากนี้ชิป M1 Ultra ยังแรงเทียบเท่ากับประสิทธิภาพระดับสูงสุดของชิป PC แต่ใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 100 วัตต์2 ซึ่งเมื่อประหยัดพลังงานได้อย่างน่าทึ่งขนาดนี้ จึงใช้พลังงานน้อยลงและช่วยให้พัดลมทำงานเงียบแม้แต่ในระหว่างที่แอปอย่าง Logic Pro จัดการกับเวิร์กโฟลว์หนักๆ อย่างการประมวลผลเครื่องดนตรีเสมือน ปลั๊กอินเสียง และเอฟเฟ็กต์มากมายมหาศาลได้อย่างง่ายดาย
สำหรับงานที่เน้นกราฟิกหนักๆ อย่างการเรนเดอร์ 3D และการประมวลผลภาพที่ซับซ้อนนั้น ชิป M1 Ultra ก็มี GPU แบบ 64-core ซึ่งใหญ่กว่าชิป M1 ถึง 8 เท่า จึงมีประสิทธิภาพเร็วยิ่งกว่า GPU ระดับสูงสุดใน PC แต่ใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 200 วัตต์
สถาปัตยกรรมหน่วยความจำแบบรวมของ Apple ก็ขยับขยายไปพร้อมกับชิป M1 Ultra เช่นกัน โดยที่แบนด์วิดท์หน่วยความจำเพิ่มขึ้นเป็น 800GB/s หรือมากกว่าชิปเดสก์ท็อป PC รุ่นล่าสุด 10 เท่า ส่วนชิป M1 Ultra สามารถปรับแต่งหน่วยความจำแบบรวมได้สูงสุด 128GB นอกจากนี้เมื่อเทียบกับการ์ดกราฟิก PC ที่ทรงพลังที่สุดที่มีหน่วยความจำสูงสุดเพียง 48GB แล้ว ชิป M1 Ultra ก็ทิ้งห่างไปไกลในด้านกราฟิกหน่วยความจำที่พร้อมรับมือกับเวิร์กโหลดที่เน้น GPU เป็นหลัก อย่างการทำงานกับเรขาคณิต 3D ที่สลับซับซ้อนและการเรนเดอร์ฉากขนาดมหึมา
Neural Engine แบบ 32-core ในชิป M1 Ultra สามารถประมวลผลได้สูงสุด 22 ล้านล้านรายการต่อวินาที จึงจัดการกับงานด้านการเรียนรู้ของระบบที่ท้าทายได้อย่างรวดเร็วและชิป M1 Ultra ยังมาพร้อมมีเดียเอนจิ้นที่มีความสามารถเหนือกว่าชิป M1 Max ถึง 2 เท่า จึงสามารถเข้ารหัสและถอดรหัสวิดีโอ ProRes ได้เร็วอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน อย่าง Mac Studio ใหม่ที่มีชิป M1 Ultra นั้นสามารถเล่นวิดีโอ ProRes 422 ระดับ 8K ได้สูงสุดถึง 18 สตรีม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีชิปไหนทำได้4 นอกจากนี้ชิป M1 Ultra ยังใช้เทคโนโลยีแบบเฉพาะของ Apple อย่างเอนจิ้นการแสดงผลที่สามารถเชื่อมต่อกับจอภาพภายนอกได้หลายจอ, ตัวควบคุมแบบ Thunderbolt 4 ในตัว และระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุด รวมถึง Secure Enclave รุ่นล่าสุดของ Apple, ระบบการบูทที่ปลอดภัยซึ่งยืนยันด้วยฮาร์ดแวร์ และเทคโนโลยีป้องกันการเจาะช่องโหว่ขณะรันไทม์

สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญในประสบการณ์การใช้งาน Mac มาโดยตลอดคือการทำงานที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ และ macOS Monterey ก็ถูกออกแบบมาสำหรับ Apple Silicon เพื่อใช้ประโยชน์จาก CPU, GPU และแบนด์วิดท์หน่วยความจำที่เพิ่มมากขึ้นของชิป M1 Ultra อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีสำหรับนักพัฒนาอย่าง Metal ที่ทำให้แอปรีดประสิทธิภาพจากชิปใหม่ได้เต็มที่ ส่วน Core ML ก็ผ่านการปรับแต่งมาเพื่อใช้ประโยชน์จาก Neural Engine แบบ 32-core ใหม่ ส่งผลให้โมเดลการเรียนรู้ของระบบทำงานได้เร็วยิ่งกว่าที่เคย
ผู้ใช้ Mac สามารถเข้าถึงคอลเลกชั่นแอปที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา รวมถึงแอป iPhone และ iPad ซึ่งวันนี้สามารถทำงานบน Mac ได้แล้ว และแอปแบบ Universal ที่ดึงขุมพลังของชิปตระกูล M1 มาใช้ได้อย่างเต็มที่ ส่วนแอปที่ยังไม่ได้อัปเดตเป็นแบบ Universal ก็สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นด้วยเทคโนโลยี Rosetta 2 ของ Apple