Apple ประกาศเปิดให้บริการ Apple Pay ในมาเลเซีย ใช้งานได้ทุกอุปกรณ์ iPhone, iPad, Apple watch, และ Mac ส่วนไทยนั้นยังไม่มีวี่แวว ลองมาวิเคราะห์กันดูว่าทำไมไทยถึงยังใช้งานไม่ได้
Apple Pay ถือเป็นบริการจ่ายเงินที่ค่อนข้างปลอดภัย สามารถใช้งานได้ทั้งร้านค้าทั่วไปจนไปถึงออนไลน์ ซึ่งในมาเลเซียนั้น จะรองรับร้านค้ามากกว่าหลายพันแห่ง โดยผู้ใช้สามรถผูกบัญชี Apple Pay กับบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตของธนาคารรายใหญ่ในมาเลเซียได้ ทั้ง AmBank, Maybank และ Standard Chartered
ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวนั้นคือสิ่งที่ Apple ให้ความสำคัญ ด้วยระบบป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลแถวหน้าของอุตสาหกรรม ซึ่งข้อมูลบัตรเดบิตและเครดิตจะไม่ถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์หรือเซิร์ฟเวอร์ของ Apple แถมการทำธุรกรรมแต่ละครั้งจะใช้ unique dynamic security code แบบใช้ครั้งเดียวทำให้ไม่สามารระบุตัวตนผู้ใช้งานได้ การจ่ายเงินนั้นจะใช้การยืนยันตัวตนผ่าน Face ID / Touch ID บนมือถือ หรือการใช้ PIN บน Mac หลังจากนั้นระบบจะกรอกข้อมูลจัดส่ง ข้อมูลการจ่ายเงินในห้อัตโนมัติ
นอกจากนั้นทาง Apple เองก็ไม่ได้เก็บข้อมูลการทำธุรกรรมเพื่อตามรอยย้อนกลับได้ว่าใครเป็นคนซื้อ โดยข้อมูลเหล่านี้จะรู้แค่ระหว่างลูกค้า / ร้านค้า-นักพัฒนา และธนาคารที่ออกบัตรเท่านั้น ในกรณีที่ทำมือถือหายก็สามารถสั่งล็อกบัญชีจากอุปกรณ์อื่นได้

ทำไมไทยถึงยังใช้ Apple Pay ไม่ได้?
Apple Pay เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2017 เริ่มขยายการใช้งานไปหลายประเทศทั่วโลก แน่นอนการให้บริการ Apple Pay นั้น ทาง Apple จะต้องไปดีลกับธนาคารและสถาบันการเงินในประเทศนั้นๆก่อน เพราะทาง Apple จะมีการคิดค่าธรรมเนียมจากธนาคารจากการใช้งานเพราะถือว่าเป็นตัวกลาง ช่วยให้ลูกค้าใช้จ่ายเงินมากขึ้น นั่นหมายความว่า “ค่าธรรมเนียม” อาจจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ Apple Pay ยังไม่เกิดขึ้นในไทย เพราะเจรจายังไม่ลงตัว
ปกติแล้วการรูดบัตรเดบิตในไทยนั้นจะต้องไปเชื่อมต่อระบบกับไทย เพย์เมนต์ เน็ตเวิร์ก (TPN) บริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่มธนาคารไทยและยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนลของจีน จะทำหน้าที่ประมวลผลการชำระเงินในประเทศ นั่นหมายความว่า Apple จะต้องเตรียมระบบให้สอดคล้องกับระบบของ นอกจากนั้นก็จะมีเรื่องของค่าธรรมเนียมในแต่ละการทำธุรกรรมด้วย เมื่อมารวมกับค่าบริการของ Apple Pay ที่จะชาร์จเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้ผู้ใช้จ่ายค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นจนอาจจะไม่จูงใจในการใช้งาน
ส่วนบัตรเครดิตนั้น รูดหนึ่งครั้งจะมีค่าธรรมเนียมแตกต่างไปแต่ละบัตร ซึ่งค่าธรรมเนียมส่วนนี้จะนำมาแบ่งกัน ระหว่างธนาคารผู้ออกบัตร, ธนาคารเจ้าของเครื่องรูด EDC หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่รับชำระเงิน และเครือข่ายรับบัตร การที่ Apple Pay เข้ามานั้นมีความเป็นไปได้สองทางคือ ทำให้ค่าธรรมเนียมสูงขึ้นเพราะต้องแบ่งให้ Apple ด้วย สอง คือถ้าไม่ขึ้นค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมก็จะถูกหารสี่ ทำให้รายได้ของแต่ละฝ่ายลดลงนั่นเอง
ข้อกำหนดด้านกฎหมาย
นอกจากนั้นแต่ละประเทศเองก็มีข้อกำหนดทางกฎหมายที่ต่างกัน ซึ่งในไทยเองก็ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่างๆก็ถือว่ามีความยุ่งยากและใช้เวลาพอสมควร ซึ่งตรงจุดนี้เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าติดขัดปัญหาอะไรรึเปล่า
ยิ่งช้ายิ่งเสียโอกาส
คนไทยเริ่มคุ้นชินกับการจ่ายเงินผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น เรียกว่าทุกวันนี้มีตัวเลือกให้ใช้งานเยอะมาก ทั้ง พร้อมเพย์, QR Code, แอปธนาคาร รวมถึงวอลเล็ตสารพัดแบรด์ใหเลือกใช้มากมาย ส่วนใหญ่ใช้งานได้ฟรีไม่มีค่าธรรมเนียม เพราะคนไทยมักจะเลือกใช้งานบริการที่คุ้นเคยใช้งานประจำกันอยู่แล้ว
ทั้งหมดนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนหนึ่งของทีมงาน ส่วนในอนาคต Apple Pay จะเข้ามไทยหรือไม่ก็ต้องมารอติดตามกันค่ะ
ที่มา https://www.apple.com/sg/newsroom/2022/08/apple-pay-launches-in-malaysia/