หลังจากที่เปิดตัวไปเป็นอย่างทางการแล้วกับ Galaxy S6 ที่งาน MWC 2015 กันแล้ว ทาง Smasung ก็ได้สานต่อความสำเร็จด้วยการจัดงาน Samsung Galaxy S6 World Tour โชว์เคสเปิดตัวสมาร์ทโฟนสองรุ่นล่าสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเชิญเหล่าเซเล็บและบล็อกเกอร์ต่างๆมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
ก่อนงานจะเริ่มขึ้นในช่วงเย็น ทาง Samsung เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนและบล็อกเกอร์ไปเยี่ยมชมออฟฟิซที่ตึก Maple Tree สิงคโปร์ ได้พูดคุยกับคุณ Hong Yeo ผู้นำทีมออกแบบของ Galaxy S6 และ S6 Edge ถึงแนวคิดการออกแบบสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นนี้ ซึ่งคุณ Hong Yeo จบมาจาก Royal College of Arts จากประเทศอังกฤษ ซึ่งก่อนหน้านั้นเคยทำงานออกแบบร่วมกับค่ายรถชื่อดังจากอังกฤษ McLaren
อย่างที่รู้กันว่าเดิมที S6 มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า project zero ทุกอย่างจะเริ่มจากศูนย์ หรือพูดง่ายๆว่าออกแบบใหม่หมดตั้งแต่ต้น เพื่อให้ได้สมาร์ทโฟนที่ดีที่สุด ทั้งในด้านของดีไซน์และฟังก์ชั่น และที่สำคัญก็คือยังใช้งานด้วยมือข้างเดียวได้สะดวกด้วย (one-hand operate)
จากรูปด้านบนเมื่อวาง S6 เทียบกับไอโฟน 6 แล้วจะเห็นได้ชัดเจนว่า แม้ไอโฟน 6 จะหน้าจอเล็กกว่า แต่การวางไอคอนของแอปนั้นจะค่อนข้างหนาแน่นถึง 6 แถว เมื่อรวมกับแถบด้านล่างก็จะเป็น 7 แถว ทำให้เวลาใช้งานด้วยมือเดียวนั้นจะทำให้กดไอคอนแอปที่อยู่ด้านบนได้ลำบากมาก เพราะนิ้วโป้งจะแตะไม่ค่อยถึง ส่วน S6 นั้น ไอคอนจะมีขนาดใหญ่กว่าและการวางไอคอนจะมีแค่ 5 แถวเท่านั้นทำให้การใช้งานด้วยมือข้างเดียวทำได้คล่องกว่า
ในการออกแบบเรียกว่าลงลึกทุกรายละเอียด พิถีพิถันในการออกแบบ ทั้งการเลือกใช้วัสดุที่ดูพรีเมี่ยมขึ้น ไม่ว่าจะเป็นของโลหะด้านข้าง ตัวเครื่องบางอย่างนี้แต่ยังจับกระชับมือขึ้น ด้านหน้าและด้านหลังปิดด้วยกระจก Gorilla Glass 4 ที่แข็งแรงที่สุดในปัจจุบัน
ตัวเครื่องมีสามสีหลักๆให้เลือกคือ Black Sapphire, White Gold และ Gold Plattinum นอกจากนั้นในต่างประเทศยังมีอีกสองสีพิเศษคือ Green Emerald และ Blue Topaz ใครที่สงสัยว่าทำไมต้องตั้งชื่อสียาวขนาดนี้ เค้ามีเหตุผลค่ะ เพราะสีเครื่องเนี่ยถือเป็นไฮไลต์เด็ดทีเดียว เพราะเค้าเคลือบชั้นของไมโครออฟติคไว้ใต้กระจก ทำให้สีของตัวเครื่องจะต่างกันเวลาที่อยู่ในที่ร่มกับอยู่กลางแจ้ง ยกตัวอย่างเช่น สี Black Sapphire เมื่ออยู่ในที่ร่มก็จะเห็นเป็นสีออกดำ แต่เวลาโดนแสงหรือออกกลางแจ้งจะเห็นเป็นสีออกโทนน้ำเงินแซฟไฟร์
ด้านสเปคก็บอกว่าจัดเต็มเร็วและแรงขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอ Super AMOLED Quad HD (ความละเอียด 2560×1440) ขนาด 5.1 นิ้ว ให้ภาพที่คมชัด พร้อมด้วย Adaptive display ช่วยให้ภาพชัดในทุกที่ไม่ว่าจะในที่ร่มหรือกลางแจ้ง
ซีพียู Exynos 7420 แบบ 64 บิต เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้ RAM LPDDR4 ถึง 3GB, หน่วยความจำ UFS 2.0 ที่อ่านและบันทึกข้อมูลเร็วขึ้น ความจุมีให้เลือกตั้งแต่ 32/64/128 GB (ในไทยล็อตแรกจะ S6 จะมีแค่ 32 Gb ส่วน S6 Edge จะมีแค่ 32/64 GB ก่อน) แบตเตอรี่ S6 อยู่ที่ 2,550 และ 2,600 mAh มีระบบชาร์จแบบรวดเร็ว ชาร์จแค่ 10 นาทีสามารถใช้งานได้ถึง 4 ชั่วโมง ส่วน S6 Edge จะรองรับการชาร์จแบบไร้สายด้วย
ในส่วนของการเชื่อมต่อ รองรับทั้ง 3G/4G/wifi/บลูทูธ ในส่วนของ 4G ทางซัมซุงเลือกใช้ LTE Cat.6 รองรับการดาวน์โหลด/อัพโหลดที่ความเร็วสูงสุด 300/50Mbps ระบบสแกนนิ้วก็ปรับให้ใช้งานง่ายขึ้นไม่ต้องรูดนิ้วลงเหมือนเก่า เปลี่ยนมาใช้การแตะแทน ส่วนกล้องเดี๋ยวจะรีวิวจัดเต็มโพสต์หน้าค่ะ
ด้าน S6 Edge นั้นจะมีจุดเด่นที่ขอบโค้งด้านข้าง ซึ่งโชว์นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการผลิตของซัมซุง เพราะเค้าใช้ความร้อนสูงถึง 800 องศาใการทำให้กระจกโค้งได้ขนาดนี้ ส่วนการใช้งานต้องบอกว่าจะต่างกับ Note 4 Edge อย่างสิ้นเชิง เพราะ Note 4 Edge จะมีขอบโค้งแค่ด้านเดียว ซึ่การทำงานจะแยกเป็นสองจอ สามารถแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ รวมถึงมีแอปทำงานเฉพาะกับขอบด้านข้าง ส่วน S6 Edge จอจะทำงานเป็นจอเดียว ขยายไปยังขอบโค้งไปทั้งสองข้าง ซ้ายขวา ซึ่งจอนี้จะช่วยให้ใช้งาน edge ของคุณได้หลากหลายขึ้น เช่น การใช้แสงแจ้งเตือนเวลาที่โทรศัพท์คว่ำหน้าอยู่ หรือการตั้งค่าสีให้กับคนสนิท 5 คนเอาไว้ที่ขอบด้านข้าง เวลาจะเรียกใช้งานก็แตะที่แถบสีของคนที่ต้องการจากนั้นก็จะเลือกโทรออก ส่งข้อความ หรืออีเมล์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในอนาคตคาดว่าน่าจะมีแอปที่รองรับการใช้งานตามมาอีกค่ะ
นอกจากตัวเครื่องที่ออกแบบมาเป็นอย่างดีแล้ว อุปกรณ์เสริมก็เรียกว่าจัดเต็มไม่แพ้กัน เริ่มจากที่ซัมซุงผลิตเองก่อน ทั้ง S6 และ S6 Edge จะมี 4 แบบให้เลือก Clear View Cover (เคสใสมีฝาปิดด้านหน้าเป็นแบบบาพับ สีแมตช์กับตัวเครื่อง), Clear Cover (ฝาหลังใส ขอบมีสีแมตช์กับตัวเครื่อง), Protective Cover (ฝาหลังหลากสีสัน) และ Flip Wallet ส่วน S6 จะมี S view Cover เพิ่มมาอีกแบบ
ที่สำคัญทางซัมซุงยังไปดึงตัวบริษัทผู้ผลิตเคสชื่อดังมาผลิตเคสให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Kate spade, Mont Blanc, Speck, Tech21, Rebeccaminkoff, Britto, Outter, Casemate และ Swarovski ที่เคสฟรุ้งฟริ้งและดูหรูหราสุดๆ ส่วนอุปกรณ์เสริมอื่นๆก็มี แบตเตอรี่สำรองที่พิมพ์ลายรูปสัตว์สุดน่ารัก, หูฟังเฮดโฟน, ที่ชาร์จไร้สาย เครื่องเล่น Mp3 แบบพกพา เรียกว่าคิดมาอย่างรอบคอบแบบ 360 องศาเลยค่ะ
ทั้ง Galaxy S6 และ S6 Edge ถือว่าทางซัมซุงทำการบ้านมาอย่างดีมากๆ ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและดีไซน์ ใครที่สนใจตอนนี้ในไทยก็เริ่มให้สั่งจองออนไลน์แล้วค่ะ ส่วนใครที่อยากลองจับของจริงก่อนตัดสินใจซื้อ 20 เมษายนนี้เริ่มวางขายจริงหน้าร้านค่ะ









