ช่วงเทศกาลส่งความสุขคนนิยมให้แท๊ปเล็ตเป็นของขวัญ จึงส่งผลให้จำนวนคนมีแท๊ปเล็ตในครอบครองพุ่งสูงขึ้นมากภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์

จากข้อมูลโปรเจค Internet and American Life Project  ของ Pew Research Center พบว่าตัวเลขของผู้ที่มีแท๊ปเล็ตในครอบครองได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากคนอเมริกาทุก 10 คนจะมีแท๊ปเล็ต 1 คน (หรือคิดเป็น 10% ของประชากรทั้งหมด) ซึ่งปัจจุบันตัวเลขได้เปลี่ยนเป็น 19%  แล้ว เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าตัวทีเดียว ซึงผลวิจัยครั้งก่อนหน้านี้สำรวจเมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา นั่นแสดงว่าการที่คนมีแท๊ปเล็ตเพิ่มขึ้นมาน่าจะมีสาเหตุมาจากช่วงเทศกาลช๊อปปิ้ง

แน่นอนว่าไอแพดของแอปเปิ้ลก็ยังขายดีอยู่ เป็นตัวที่ช่วยเพิ่มยอดขายเป็นอย่างมาก ส่วนแท๊ปเล็ตราคาถูกอย่าง Kindle Fire และ Nook Tablet ก็มีส่วนช่วยเพิ่มยอดขายบ้าง มีการคาดการณ์ว่าเฉพาะในช่วงเทศกาลที่ผ่านมา แอปเปิ้ลขายไอแพดไปได้ 13 ล้านเครื่อง ส่วน Kindle Fire ขายได้ประมาณ 4-5 ล้านเครื่อง นอกจากแท๊ปเล็ตแล้ว จำนวนผู้ที่ครอบครอง e-book reader ก็เพิ่มขึ้นจาก 18 % ในเดือนธันวาคม 2011 เป็น 29 % ในเดือนมกราคม 2012

แอปเปิ้ลพยายามผลักดันยอดขายของไอแพดด้วยการรุกเข้าไปยังตลาดการศึกษา พร้อมเปิดตัวแอพพลิเคชั่น iBooks 2 ที่จับมือเป็นพันธมิตรกับสำนักพิมพ์ต่างๆ แสดงให้เห็นว่าปี 2012 นี้แอปเปิ้ลจะไม่ได้มุ่งเน้นตลาดผู้บริโภคทั่วๆไปเพียงตลาดเีดียวอีกต่อไป

จากการรายงานของ Global Equities Research พบว่าแอปเปิ้ลมียอดดาวน์โหลดตำราเรียนถึง 350,000 ดาวน์โหลดภายในสามวันแรกที่มีการเปิดตัวบริการใหม่ แม้ว่าราคาตำราเรียน 15$ บนไอแพดดูเหมือนจะส่งผลเสียต่อสำนักพิมพ์ แต่จริงๆแล้วมันช่วยลดค่าใช้จ่ายในการพิมพ์หนังสือเรียนได้ถึง 80% เลยทีเดียว แถมสนพ.ยังไม่ต้องยุ่งยากจัดการกับคนกลางเพื่อนำหนังสือไปวางจำหน่ายหน้าร้านอีก ด้วยตัวเลขยอดดาวน์โหลดนี้น่าจะทำให้สนพ.มีความเชื่อมั่น ยอมรับแพลตฟอร์มเพื่อการศึกษาแบบใหม่นี้ได้ไม่ยาก


ความพยายามผลักดันให้ไอแพดเป็นเครื่องมือในการศึกษา ยังได้รับการสนับสนุนจากผลการวิจัยต่างๆในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ยกตัวอย่างเช่น นักเรียนที่ใช้แอพพลิเคชั่นคณิตศาสตร์บนไอแพดจะมีคะแนนสูงกว่านักเรียนที่ใช้หนังสือเรียนแบบปกติ หรืองานวิจัยจาก PBS LearningMedia ที่่สำรวจความคิดเห็นของคุณครูพบว่า คุณครู 4 ใน 5 คนเชื่อว่าแท๊ปเล็ตจะช่วยเพิ่มประสบการณ์เรียนในชั้นเรียนให้มากขึ้น นอกจากนี้ผลวิจัยยังพบว่าคุณครูที่สอนในโรงเรียนที่ตั้งอยู่ย่านคนรวย มีแนวโน้มที่มีแท๊ปเล็ตอย่างไอแพดมากกว่าคุณครูที่สอนในย่านอื่นๆเกือบสองเท่า

ถ้าแอปเปิ้ลวางแผนที่จะกระตุ้นระบบการศึกษาด้วย iBooks 2 แอปเปิ้ลจำเป็นต้องทำงานร่วมกับโรงเรียนต่างๆในการจัดหาเครื่องให้กับนักเรียน ไม่ว่าจะผ่านระบบจัดซื้อของโรงเรียนหรือทำโปรโมชั่นส่งเสริมให้ผู้ปกครองซื้อแท๊ปเล็ตให้กับลูก อย่างไรก็ตามคุณครูส่วนใหญ่ได้พยายามหาแท๊ปเล็ดมาครอบครองด้วยเว็บไซต์อย่าง DonorsChoose.Org จากบทความล่าสุดของ Forbes article พบว่าจำนวนเงินที่ขอรับบริจาคเป็นผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ลเพิ่มขึ้นจาก 50,000$ ในช่วงปีการศึกษา 2009-2010 มาเป็น 800,000$ ในปีการศึกษาที่ผ่านมา ในขณะที่บางส่วนมีการขอรับบริจาค Macbook และ iPod Touch ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับไอแพด ในปี 2012 เจ้าหน้าที่ DonorsChoose.org บอกว่าทางบริษัทได้วางแผนที่จะแจกจ่ายเงินจำนวน 40 ล้านดอลล่าร์ให้กับโปรเจคราวๆ 80,000 โครงการที่มีการร้องขอเงินเข้ามา

อย่างโรงเรียนเอกชน Menlo School ในเมือง Atherton แคลิฟอร์เนียได้ทดลองใช้ไอแพดกับ pilot program มาตั้งแต่ปีที่แล้ว นักเรียนเกรด 8 และเกรด 10 ได้รับไอแพดไปใช้แทนตำราเรียนตลอดปีการศึกษา (โดยที่เครื่องเหล่านี้ทางโรงเรียนเป็นเจ้าของ และอนุญาตให้นักเรียนนำเครื่องกลับบ้านได้) แต่ในโรงเรียนของรัฐกลับเป็นเรื่องที่แตกต่างกันมาก นอกจากปัญหาด้านงบประมาณแล้ว โรงเรียนเหล่านี้ยังอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์และข้อบังคับจากรัฐซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินว่าเทคโนโลยีแบบไหนควรจะอนุญาตให้นำมาใช้ในโรงเรียนได้ รวมถึงการอนุมัติเรื่องการซื้อตำราเรียนด้วย นั่นหมายความว่าหนังสือเรียนดิจิตอลบนแพลตฟอร์มของไอแพดอาจจะไม่ได้รับการอนุมัติก็เป็นได้

VIA digitaltrends