หนึ่งในผลิตภัณฑ์บำรุงกำลังและเสริมความงามชื่อดังของเอเชียก็คือรังนก ชาวจีนเชื่อว่าการทานรังนกทำให้ผิวพรรณดี จึงไม่น่าแปลกเลยที่หลายคนยอมจ่ายเงินสูงๆเพื่อรังนกราคาแพง

นี่จึงเป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้มีคนฉวยโอกาสผลิตรังนกปลอมออกมาสู่ตลาด ประเทศมาเลเซียเป็นประเทศที่ผลิตรังนกสูงเป็นอันดับสองของโลกโดยมีตลาดหลักที่ส่งออกหลักก็คือประเทศจีน เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วทางกระทรวงเกษตรของประเทศมาเลเซียรายงานว่าอุตสาหกรรมรังนกมีมูลค่าสูงถึง 5 พันล้านริงกิต นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลต้องลงทุนใน Radio Frequency Identification (RFID) เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคด้วยการใช้เทคโนโลยี

RFID ช่วยให้ติดตามสินค้าได้ง่ายตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบจนไปถึงมือผู้บริโภค รังนกจะถูกบรรจุและปิดผนึกในกล่องที่มีแท็ก RFID ซึ่งภายในฝังไมโครชิฟพร้อมด้วยข้อมูลการเก็บผลผลิตเอาไว้ ด้วยสแกนเนอร์แบบพกพาที่ปล่อยคลื่นวิทยุออกมาจะดึงข้อมูลเหล่านี้ออกมา ลักษณะการทำงานก็คล้ายๆบาร์โค้ด แต่ RFID จะปลอมได้ยากกว่า

รังนกปลอมส่งผลกระทบกับผู้ผลิตอย่าง Yanming Resources โรงงานของพวกเค้าตั้งอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ มีพนักงาน 12 คนทำการตรวจโดยใช้วิธีดมกลิ่นรังนกชิ้นต่อชิ้น นอกจากนี้พวกเธอยังใช้คีมเป็นอุปกรณ์ในการคีบขนนกและเศษดินที่ติดอยู่ออกมา เพื่อให้เหลือแต่รังนกที่สะอาดและสมบูรณ์ที่สุด แต่การจะสู้กับรังนกปลอมที่มีอยู่ในตลาดทำให้ทางบริษัทต้องลดราคาขายลงมา ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสนไม่รู้ว่ารังนกอันไหนจริงอันไหนปลอม ด้วย RFID ทำให้ทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิตตั้งแต่การเก็บรังนกจนถึงบรรจุลงกล่องสามารถติดตามได้ โดยข้อมูลจะทำการเก็บรวบรวมที่รัฐบาล ส่วนผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยก็สามารถดูข้อมูลได้ว่ารังนกนั้นเก็บมาจากที่ไหนได้ง่ายๆด้วยการดาวน์โหลดแอพฟรีบนสมาร์ทโฟนเพื่อใช้ในการสแกนแท็ก RFID บนกล่องรังนก.

แม้ว่านี่ยังจะเป็นแค่โปรเจคทดลองของรัฐบาล แต่ก็ได้รับความร่วมมือจากคนในอุตสาหกรรมนี้ พวกเค้าเต็มใจที่จะลงทุนซื้อแท็ก RFID และเครื่องอ่านมาใช้งาน ด้วยเทคโนโลยี RFID ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าซื้อของจริง ส่วนผู้ผลิตก็ไม่จำเป็นต้องไปลดราคาแข่งกับรังนกปลอม ทำให้ตั้งกำไรได้สูงถึง 50% เลยทีเดียว

VIA CNET