ตลาดมือถือปลายปี 2014 หลายเจ้าต่างออกเรือธงแล่นสู่ความเป็นที่ 1 จึงทำให้ Huawei ไม่รอช้าปล่อย Ascend Mate 7 ออกจากท่าท้ารบสู้กับค่ายยักใหญ่หลายเจ้าทันที
ปลายเดือนตุลาคม ปี 2554 ประเทศไทยได้เปิดตัว Smartphone Flagship จากค่าย Huawei รุ่น Ascend Mate 7ที่ชูจุดเด่นจนเป็นจุดขายตรงที่หน้าจอใหญ่และแบตเตอรี่ที่ใส่มิลลิแอมมามโหฬาระดับ 4,100 Mah. ที่สำคัญรองรับการทำงาน 4G LTE ที่กำลังเติบโตครอบคลุมทุกพื้นประเทศไทยขึ้นทุกวัน
Ascend Mate 7 จาก Huawei นั้นให้ความสำคัญออกแบบรายละเอียดได้อย่างลงตัวและเหมาะสมกับผู้ใช้ทุกรุ่นด้วยความบางและความใหญ่ของหน้าจอระดับ 6 นิ้ว
จริงๆ แล้วตอนเปิดตัว Ascend Mate 7 นั้นมีวางขายอยู่ด้วยกัน 2 สี คือ ดำและเงิน และสเปคจะอยู่ที่ รุ่นความจุ 16 GB กับแรม 2 GB แต่วันนี้ทางทีมงานมีรุ่นพิเศษระดับ Premium มารีวิวคือไม่สุดจริงๆ เราจะไม่นำมารีวิวแน่นอน (ภูมิใจเล็กน้อย) เป็นรุ่น Amber Gold Premium Edition กับความจุที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 32 GB. กับ Ram 3 GB. นอกนั้นสเปคเดียวกันแต่เดี๋ยวจะค่อยๆ บอกไปกันในแต่ละส่วน
Ascend Mate 7 Amber Gold Premium Edition เป็นผลงานระดับ Masterpiece จากทาง Huawei ที่ใครมองหรือมีไว้ครอบครองอาจทำให้คนที่อยู่แถวนั้นต้องมีอาการเหลือบมองหรือจับจ้องตาเป็นมันอย่างแน่นอน ด้วยสเปคเทพที่อัดแน่นมาอย่างไม่เกรงใจต่างค่ายกันเลย ไม่เกรงใจยังไงมาดูกัน
– หน้าจอขนาด 6 นิ้ว Full HD ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล
– ขนาดตัวเครื่อง 157 x 81 x 7.9 มม.
– น้ำหนัก 185 กรัม
– ระบบปฏิบัติการ Android 4.4.2 KitKat ครอบทับด้วย EMUI 3.0
– ระบบตรวจสอบลายนิ้วมือ (Finger Print)
– เครือข่ายที่รองรับ WCDMA 850/900/1900/2100 MHz , LTE 1900/2300/2500/2600 MHz
– รองรับ 2 Sim Card แบบ Nano Sim และ Micro Sim
– ชิปเซ็ต Huawei Kirin 925
– ซีพียู Octa-core (Quad-core 1.8GHz A15 และ Quad-core 1.3GHz A7)
– แรม 3 GB (สำหรับรุ่นสีทอง)
– ความจุ 32 GB (สำหรับรุ่นสีทอง) และรองรับได้สูงสุดถึง 64 GB
– กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล
– กล้องหน้า 5 ล้าน
– แบตเตอรี่ 4,100 mAH.
อุปกรณ์ภายในกล่องที่แถมมาให้
– หูฟังแบบ In-Ear 1 ชุด
– สาย Micro USB แบบยาวและแบบสั้น พร้อมหัวชาร์จ Adapter Output 2.0 Mah.
– คู่มือการใช้งาน
– เข็มจิ้มถาดใส่ Sim
– เคส แบบ Flip Cover
รูปร่างและลักษณะของตัวเครื่อง
Ascend Mate 7 มาพร้อมด้วยหน้าจอระดับ Full HD IPS (1080P) 6 นิ้ว มโหฬาร ค่าความละเอียดของพิคเซลอยู่ที่ 480 PPI ถือได้ว่าจัดอยู่ในระดับความชัดระดับท๊อปๆ ของ Full HD ได้เลยที่เดียว จริงๆ แล้วหน้าจอความใหญ่ระดับนี้ต้องเรียกว่า Phablet คือเป็นตัวกึ่งๆ ระหว่าง Phone กับ Tablet ที่มีหน้าจอ 5-7 นิ้ว เลยกลายเป็นศัพท์เฉพาะทางที่เอาสองคำนี้มารวมกันจึงเป็นที่มาของคำว่า Phablet มาดูหน้าตาและบอร์ดี้กันหน่อยดีกว่า ด้านหน้าประกอบไปด้วยกล้อง 5 ล้านพิคเซล พร้อมช่องProximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา และช่องปุ่มไฟแสดงสถานะของตัวเครื่อง ด้านล่างคือช่องชาร์จไฟแบบ Micro USB พร้อมไมโครโฟนสำหรับสนทนา ด้านข้างฝั่งขวาเป็นแถบของปุ่มปรับลดเพิ่มเสียงและปุ่มล๊อกหรือเปิดปิดตัวเครื่อง ด้านข้างฝั่งซ้ายเป็นช่องใส่ Sim Card แบบ Nano Sim และ Micro Sim ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร ด้านหลังกล้องระดับ 13 ล้าน ใช้ชิ้นเลนใหม่ล่าสุดจากทางค่าย Sony พร้อมไฟแฟลชแบบ LED และช่อง Scan ลายนิ้วมือเพื่อปลดล๊อกเครื่อง ทางด้านล่างเป็นช่องลำโพง ทั้งตัวเครื่องและบอดี้ด้านหลัง Ascend Mate 7 เป็นแบบ อลูมิเนียมยูนิบอดี้ ไม่สามารถเปิดฝาหลังเพื่อเปลี่ยนแบตเองได้ ซึ่งภายในบรรจุแบตลูกโตมาถึง 4,100 Mah.
Interface ภายในและฟังก์ชั่นการใช้งานภายในตัวเครื่อง รูปร่างหน้าตา Interface ภายในตัวเครื่องถูกออกแบบใหม่หมด ถึงแม้ว่าจะรันอยู่บน Kitkat Android 4.4.2 แต่ก็ครอบทับด้วย EMUI 3.0 Icon ต่างๆ ดูสวยงามแปลกตาในลุคใหม่ที่ไม่เคยพบเจอ
ที่สำคัญเวลาจะปลดล๊อกหน้าจอภาพ Wallpaper จะเปลี่ยนไปเรื่อยไม่จำเจ แต่ก็อยู่กับจำนวนภาพที่ตั้งค่าใน Gallery ไว้ด้วย อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าการเปลี่ยนภาพจากหน้าจอ Lock Screen ได้อีกด้วย
เมนูบาร์แจ้งเตือนทางด้านบนมีมาให้ครบถ้วนทั้งBluetooth , Wi-Fi , Reboot , GPS , Flashlight , Multitasking , Lock Screen , Capture Screen และอื่นๆ อีกมากมาย
มาดูทางด้าน Setting ที่กลายมาเป็นจุดเสริมของรุ่นนี้ Ascend Mate 7 ใส่ตัวช่วยเหลือแบบอัจฉริยะเข้ามาด้วยที่จะคอยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ได้มากขึ้น
– ใช้ UI ด้วยมือข้างเดียว : เนื่องจากหน้าจอและขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่ Huawei เลยใส่โหมดแบบ One Hand Operation ให้ใช้งานได้มือเดียวอีกด้วย
– ปุ่มแผง ICON ลัด : จะเป็นแถบเมนูเล็กมีคำสั่งแบบลัดขึ้นมาอยู่ 5 ตัว ก็คือปุ่มแถบ Home นั้นละ เพียงแต่มีเมนูนี้ขึ้นมาเพื่อความสะดวกต่อจากการใช้งานแบบมือเดียว
– ปกสมาร์ท : เปิดเมนูนี้เพื่อให้ Flip Cover ของ Ascend Mate 7 ใช้งานผ่านหน้าจอได้ในขณะที่ฝาพับปิดอยู่
– โหมดถุงมือ : เป็นการใช้งานในกรณีที่ผู้ใช้ใส่ถุงมืออยู่ หากไม่เปิดโหมดนี้ หน้าสัมผัสจากถุงมือมายังหน้าจอจะไม่สัมพันธ์กัน แต่เปิดโหมดนี้แล้วก็สบายหายห่วง เล่นได้เหมือนปรกติ
ทางด้านการโอนถ่ายไฟล์ข้อมูลแบบไร้สายกันบ้างดีกว่านอกจากจะมี Bluetooth , Wi-Fi Direct เป็นโปรแกรมพื้นฐานประจำเครื่องอยู่แล้วนั้น Huawei ยังใส่ NFC ( Near Field Communication ) หรือการแตะผ่านส่งข้อมูลกันนั้นเอง เข้ามาด้วย รวมถึง Huawei Beam ที่ส่งไฟล์ข้อมูลกันได้ในเฉพาะ Huawei ด้วยกันเพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็ใส่ลงมาด้วยนะจ้า
และที่เป็นไฮไลท์ของเครื่องนี้คือ การชำระเงินผ่านการแตะด้วย NFC (คุ้นๆ มะ ) ก็มีเข้ามาด้วยนะครับ แล้วแบบนี้ต้องเรียกว่า Huawei Pay ด้วยหรือเปล่า
ฟีเจอร์เรื่องสุขภาพกลายเป็น Top Hit และต้องมีประจำภายในตัวเครื่องกันเลยยุคสมัยนี้ Ascend Mate 7 ก็มีนะ แต่เป็นแค่เพียงเครื่องนับก้าว พร้อมขั้นตอนการแสดงเตือนว่าเดินไปกี่ก้าวแล้ว
หลักการใส่ Sim Card แบ่งออกเป็น 2 ช่อง 2 การทำงาน สามารถกำหนดค่าเครือข่ายที่ต้องการต่อได้ เช่น กำหนดให้ช่องการ์ดที่ 1 เอาไว้เล่น 3G/4G และช่องที่ 2 เป็นเฉพาะ 2G หรือเลือกสลับไปมา ก็ยังทำได้
ความสามารถทางด้านกล้องถ่ายรูปกันดูบ้าง
กล้องหลังนั้นมีความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิคเซล ใช้ชิ้นเลนตัวล่าสุดจากทางค่าย Sony ซึ่งรับประกันได้เลยว่า ภาพที่ได้ออกมานั้นจะคมชัดใสแน่นอน พร้อมแฟลชแบบ LED ช่วยให้การถ่ายภาพในสภาวะที่แสงน้อยได้ภาพที่ดีขึ้น และบันทึกวีดีโอได้ระดับ Full HD ดูๆไปแล้วก็ทั่วๆไปแต่มีหมัดเด็ดตรงฟีเจอร์และโหมดเมนูในการปรับแต่งเยอะมากกึ่งๆ โปรได้เลยส่วนกล้องนั้นมีระบบ Auto Focus ที่ไวมาก เคลื่อนไหวได้สมูทดีมาก อีกอย่างคือมีฟีเจอร์การวัดแสงด้วยคือหากแตะหน้าจอค้างไว้ กล้องจะขึ้นภาพวงรูปดวงอาทิตย์ขึ้นมา สามารถลากวงนี้ไปทั่วหน้าจอได้เพื่อวัดแสงให้ภาพที่ออกมานั้นดูมีมิติ
อีกโหมดที่ไม่พูดไม่ได้เป็นโหมดเมนูที่คิดว่ายังไม่น่าจะมีในโทรศัพท์รุ่นอื่นคือ โหมดโฟกัสทั้งหมดคือเป็นการถ่ายภาพด้วยการให้กล้องโฟกัสภาพที่ต้องการนั้นทั้งใบจากนั้นหากผู้ใช้ต้องการเน้นโฟกัสส่วนอื่นภายในภาพก็สามารถแตะไปยังจุดนั้นเพื่อเน้นจุดนั้นให้กลายเป็นจุดโฟกัสได้ในทันที สุดยอด
การปรับโหมด Setting ต่างในโหมดถ่ายภาพมีมาใหเพียบพร้อม ทั้งปรับ ISO , White Balance , แต่งรูป , ควบคุมการถ่ายด้วยเสียง , ใส่ลายน้ำระบุพิกัดสถานที่ในการถ่าย , Tracking Mode จับภาพตามวัตถุที่เคลื่อนไหว
กล้องหน้าเหมาะสำหรับการถ่าย Selfie และ Wefie มากให้มาถึง 5 ล้านพิคเซลและยังเป็นเลนมุมกว้างอีกด้วย อีกทั้งยังบันทึกวีดีโอได้สูงถึงFull HD(1080P) ได้อีกด้วย โหมดนี้ขอพูดถึงแค่ โหมดแต่งสวยหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าโหมดฟรุ้งฟริ้ง มีให้เลือกระดับความเนียนมากสุดถึง 10 ระดับ ตามความต้องการของผู้ใช้กันไป ภาพที่ออกมานั้นอาจทำให้ผู้ชายที่แมนๆ กลายเป็นสาวน้อยขึ้นได้ในทันที หวานขึ้นมาแบบเนียนใส ไร้มลมินเลย
การแต่งภาพหลังจากถ่ายเสร็จนั้นหากผู้ใช้ต้องการแก้ไขภาพถ่าย อ้วนไป ผอมไป มุมหน้าไม่เข้าที่ Huawei ขอเสนอโหมดการแต่งภาพบนใบหน้าแบบสำเร็จรูป ใหญ่ไป เล็กไป จมูกไม่เรียว ตาไม่โต ฟันไม่ขาวตัวดำเกิน แค่ลากซ้าย ลากขวา เท่านี้ภาพของคุณผู้ใช้ก็แปลงสภาพเป็น Idol ได้ในพริบตา
ภาพตัวอย่างจากกล้องหลังระดับ 13 ล้านพิคเซล
สรุปข้อมูลการใช้และความคิดเห็นส่วนตัว
สวย หรูหรา เท่ มีสไตล์ อย่างลงตัว คงหาคำนิยามอื่นไปมากกว่านี้คงยากแล้ว ดูสมดุลไปหมดซะทุกอย่าง ทั้งรูปทรง หน้าจอ ความคมชัดของภาพจากตัวกล้องหน้า กล้องหลังที่ถ่าย โหมด ฟีเจอร์ ฟังก์ชั่น เสริม โน้น นั้น นี้ กับอีกอะไรหลายๆ อย่างอัดแน่นอยู่เต็มไปหมดใน Huawei Ascend Mate 7 การใช้งานไหลลื่น ดูหนังไฟล์วีดีโอคมชัด เสียงเพลงที่ดังก้องกระหึ่มแม้จะวางทับลำโพงไว้ก็ตาม และความคิดเห็นส่วนตัวที่แซงหน้าความคิดอื่นไปก็คือเรื่องราคานี้ละที่สำคัญได้ใจและเอาใจลูกค้ามาก รุ่นธรรมดา 16,900 รุ่นสีทอง 19,900 บาท เท่านั้น ซึ่งหากเป็นค่ายอื่น กับสเปคแบบนี้มีสองหมื่นขึ้นไปแล้ว แต่นี้ Huawei เจาะกลุ่มเป้าหมายการตลาดที่ให้ลูกค้าได้เข้าถึงแบบทุกกลุ่ม เชื่อได้เลยว่า Ascend Mate 7 ซีรี่นี้ ขึ้นอันดับ Smartphone ขายดีแน่นอน
6 ข้อดีสำหรับ Huawei Ascend Mate 7 น่าสนใจกว่า Android รุ่นอื่นๆ
รูปทรงที่สวยงามเป็นโลหะทั้งบอดี้ ทั้งบางและเบา ถึงแม้จอใหญ่แต่ก็จับกระชับมือ
1. ราคาที่ถูกระดับหมื่นกลางๆ แต่สเปคเทียบหรือเหนือกว่ารุ่นราคาสองหมื่นขึ้น
2. ฟังก์ชั่น โหมดต่างๆ และการใช้งานมีลูกเล่นมาใหม่เพียบ
3. อุปกรณ์ในรุ่นสีทองที่เป็นตัวท๊อป มีมาให้ครบเลย
4. เสียง Audio ผ่านลำโพงดังดีมากชัดใส
5. ระบบเสียง Surround เวลาดูวีดีโอ ได้ใส่ระบบ DTS มาด้วยทำให้เสียงดังกระหึมรอบทิศทาง
ข้อเสนอแนะ : หากกล้องหน้ามีแฟลชมาให้ด้วยละก็ จะยิ่งทำให้ภาพดูดีมีมิติและช่วยให้ถ่ายภาพได้สนุกยิ่งขึ้นแน่นอน
บทส่งท้าย : ก่อนปิดฉากปี 2014 Huawei ก็ได้ฝากผลงานระดับ Masterpiece ทิ้งไว้ให้ค่ายมือถืออื่นๆ รับหน้าหนาวกันไปอย่างเต็มๆ ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดเลยละว่าปีหน้า 2015 สงครามมือถืออะไรที่จะระเบิดออกมาสู้กันอีกในปีหน้า ต่อจากหน้าจอที่ต้องใหญ่ กล้องหน้าที่ต้องชัด ยังไงทีมงานจะนำเสนอข่าวแบบเกาะติดและนำมารีวิวแบบให้เห็นภาพกันอย่างเร็วที่สุดนะครับ
Via : Siamphone.com , Huawei.com , Gsmarena.com
ผู้เรียบเรียง : NuTty m00yAi