WatchOS3

ต่อไป WatchOS3 ไม่ใช่แค่อำนวยความสะดวกแค่เรื่องทั่วไปเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถใช้ดูแลสุขภาพตัวเองได้ดีขึ้นด้วย รวมถึงคนที่นั่งรถเข็นด้วย

WatchOS3

นอกจาก iPhone 7 แล้วยังมี Apple Watch แก็ดเจ็ตอีกหนึ่งตัวที่ถูกจับตามอง แถมมีคนให้ความสนใจจำนวนมากในตอนนี้ หลังจากที่ Apple ได้พัฒนา Apple Watch หรือ WatchOS3 ให้รองรับการใช้งานของผู้พิการหรือผู้ที่ใช้รถเข็น ให้สามารถดูแลสุขภาพตัวเองภาพเจ้านาฬิกาอัจฉริยะตัวนี้ 

ถามว่ามีฟีเจอร์อะไรบ้างที่ถูกปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับผู้ใช้รถเข็นบ้าง? อย่างแรกเลยที่เห็นได้ชัดคือฟังชั่น Activity ที่ปกติแล้วมันจะคอยเตือนเราให้ลุกขึ้นยืน ถ้าสำหรับผู้ใช้รถเข็นมันจะถูกปรับแต่งจากการเตือน “time to stand” ให้เป็น “time to roll” แทน ดังนั้นการเลื่อนรถเข็นจะถือเป็นกิจกรรมที่สามารถเผาผลาญพลังงานได้เช่นกัน

WatchOS3_Lakeshore_Treadmill_PR-PRINT

ถ้าถามว่าข้อมูลจะแม่นไหม?

อันนี้คงตอบยากหน่อย เพราะเขายังไม่เปิดให้คนทั่วไปได้ทดลอง แต่ทาง Apple เขาทำการหาข้อมูลและเก็บข้อมูลจากใช้งานจริงของพนักงาน Apple ที่ใช้รถเข็น แถมยังร่วมทำงานกับ Challenged Athletes Foundation และ Lakeshore Foundation สถาบันหรือมูลธิที่ดูแลเกี่ยวกับผู้พิการและผู้ใช้รถเข็นโดยเฉพาะ โดยมีการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เช่น

  • ติดเซ็นเซอร์ที่ล้อรถเข็นเพื่อให้ทราบลักษณะการเคลื่อนไหว
  • ติดอุปกรณ์วัดอัตราการเต้นของหัวใจของผู้ใช้รถเข็นในขณะที่เข็นรถ
  • ติด GPS ที่รถเข็นเพื่อให้ทราบระยะทางและความเร็วของการเคลื่อนที่ของรถเข็น
  • ติด Accelerometer ที่ข้อมือเพื่อให้ทราบลักษณะการเคลื่อนไหวข้อมือของผู้ใช้
  • ติดตามดูการทำกิจกรรมต่างๆ เช่นการขึ้นลงรถ การเคลื่อนที่ในร่มและกลางแจ้ง การเข็นรถขึ้นเนิน และลงเนิน

เพื่อให้เข้าใจลักษณะการใช้งานและให้ได้ข้อมูลที่เป็นความจริงมากขึ้น ยังมีอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ค่อนข้างน่าสนใจสำหรับผู้ใช้งานรถเข็นก็คือ SOS หรือสัญญาณขอความช่วยเหลือฉุกเฉินนั้นเอง จะว่าไปฟีเจอร์นี้ทาง Apple เขาคงไม่ได้ทำขึ้นมาเพื่อผู้ใช้รถเข็นเพียงอย่างเดียว เพราะจริงๆมันเหมาะสมกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น วัยทำงาน รวมถึงสูงวัย เราไม่รู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นกับเราเมื่อไหร่ ดังนั้นฟังชั่น SOS ก็สามารถเป็นตัวช่วยให้ได้กับทุกๆคน 

WatchOS3_Wheelchair_2Up_PR-PRINT

การใช้งานของฟีเจอร์ SOS? สำหรับผู้ใช้งาน Apple Watch คงคุ้นเคยกับ Digital Crown หรือตัวหมุนๆข้างๆ นาฬิกาอยู่แล้ว ดังนั้นการใช้งาน SOS เราก็แค่กดปุ่ม Digital Crown ค้างไว้ 6 วินาที นาฬิกาจะโทรแจ้งเบอร์โทรฉุกเฉินในแต่ละประเทศทันที และที่สำคัญเบอร์โทรฉุกเฉินนี้จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามประเทศที่เราเดินทางไป แถมยังสามารถแจ้งเตือนไปยังบุคคลที่เราตั้งไว้ให้โทรหาเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินได้อีกด้วย

ทั้งหมดนี้จะมาพร้อมกับ watchOS 3 ซึ่งจะเปิดให้ใช้พร้อมกันทั่วโลกปลายปีนี้ แต่นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเล็กๆเท่านั้น เพราะ watchOS3 มันมีไรที่เปลี่ยนไปเยอะมาก จะมีอะไรบ้างนั้น รอติดตามตอนต่อไปนะคะ

ภาพจาก Apple