เรียกว่าเปิดตัวไม่ให้ตั้งตัวกับ iPad Pro รุ่นใหม่  ที่เรียกว่ายกระดับการใช้งานแบบมือโปรมากขึ้น และนี่คือ 10 จุดเด่นของไอแพดโปรรุ่นนี้

1.ชิป A12Z Bionic

ชิปประมวลผลเปลี่ยนเป็นจาก A12X เป็น  A12Z Bionic ทำงานได้เร็วขึ้นกว่าแล็ปท็อปหลายรุ่น ตัว GPU เป็นแบบ 8 คอร์ และ Neural Engine ประมวลผลด้าน AI พร้อมออกแบบสถาปัตยกรรมระบบระบายความร้อนให้ดีขึ้น สามารถทำงานหนักๆอย่างการตัดต่อ VDO 4K ได้สบายๆ รวมถึงการสร้างโมเดลสามมิติทำได้รวดเร็วและสมจริงยิ่งขึ้น

2.หน้าจอระดับโปร

ดีไซน์เครื่องยังเหมือนรุ่นก่อนหน้า เป็นแบบจรดขอบ มีให้เลือกทั้งขนาด 11 และ 12.9 นิ้ว หน้าจอเป็น Super Retina displays ยังคงเป็นจอ LCD รองรับทั้ง True Tone technology และ P3 wide color ให้สีสันคมชัดสมจริง  ความสว่างสูง เคลือบด้วยสารกันแสงสะท้อนทำให้ใช้มองเห็นได้ชัดเจนในที่ที่มีแสงจ้า

อีกฟีเจอร์ที่กลับมาก็คือ ProMotion ให้อัตรารีเฟรชเรทที่ 120Hz ที่ช่วยให้การแสดงผลภาพไหลลื่นยิ่งขึ้น ตอบสนองรวดเร็ว ไม่ว่าเราจะใช้งานอะไร

3 กล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษ

iPad Pro รุ่นใหม่มาพร้อมกล้องเลนส์คู่แบบเดียวกับ iPhone 11 ประกอบด้วยเลนส์มุมกว้าง 12 ล้าน และเลนส์มุมกว้างพิเศษ 10 ล้านเป็นครั้งแรก ช่วยให้ถ่ายรูปเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น รองรับการถ่าย 4K ซูมได้ 2 เท่า ช่วยให้เราถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอได้ยืดหยุ่นมากขึ้น 

4 ระบบเสียงระดับโปร

iPad Pro อัพเกรดเรื่องเสียงให้รองรับการใช้งานด้านเสียงแบบมือโปร ตัวเครื่องมาพร้อมไมโครโฟนทั้งหมด 5 ตัว เกรดระดับเดียวกับที่ใช้ในสตูดิโออัดเสียง ช่วยให้บันทึกเสียงได้ชัดเจน แม้แต่รายละเอียดเล็กๆที่หูคนแทบไม่ได้ยิน

ส่วนลำโพงให้มา 4 ตัว ปรับตามแนวการหมุนเครื่องโดยอัตโนมัติไม่ว่าจะถือแบบไหน เมื่อรวมกับกล้องและไมโครโฟนจะทำให้กลายเป็นเครื่องมือถ่ายวิดีโอได้แบบมืออาชีพ

5 Lidar Scanner

เป็นครั้งแรกที่ ไอแพดโปร มาพร้อม LiDAR Scanner ยกระดับการใช้งาน AR ขึ้นไปอีกขั้น สามารถวัดระยะวัตถุที่อยู่ห่างออกไป 5 เมตรได้ ด้วยการยิงแสงออกไปและวัดการสะท้อนกลับในระดับนาโนวินาที ทำให้การใช้งาน AR แม่นยำและทำงานเร็วขึ้น สามารถใช้งานได้ทั้งในและนอกอาคาร ไม่ใช่แค่วัตถุที่อยู่นิ่งๆเท่านั้น การจับการเคลื่อนไหวของคนก็ดีขึ้นด้วย

ใน iPadOS ก็มีเฟรมเวิร์กใหม่โดยจะรวมความลึกหลายๆ จุดที่วัดโดย LiDAR Scanner เข้ากับข้อมูลที่ได้จากทั้งกล้องและเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว เสริมด้วยอัลกอริทึมด้านการมองเห็นของคอมพิวเตอร์ใน A12Z Bionic เพื่อทำความเข้าใจกับสภาพแวดล้อมให้ละเอียดยิ่งขึ้น ส่วนของแอปเครื่องมือวัด (Measure) ทำงานได้ดีขึ้น สามารถคำนวณความสูงของคนได้เร็วและง่ายขึ้น และยังแสดงเส้นแนวตั้งและเส้นขอบเป็นแนวทางให้โดยอัตโนมัติเพื่อช่วยให้ผู้ใช้วัดขนาดวัตถุได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

6 iPadOS

iPadOS 13.4 เพิ่มการรองรับแทร็คแพดสำหรับ iPad  มีอินเทอร์เฟซเคอร์เซอร์บนหน้าจอ เหมือนการทำงานกับแล็ปท็อปมากขึ้น ช่วยให้การทำงานจริงจังอย่างเอกสารหรือสเปรดชีทได้รวดเร็วขึ้น

นอกจากนั้น รองรับการใช้งานแบบมัลติทัช ใครที่ใช้งาน Mac อยู่แล้วน่าจะคุ้นเคย กับการสั่งงานด้วย gesture ต่างๆช่วยให้สั่งงานได้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสลับไปมาระหว่างแอพ เปิดแถบสลับแอพ และเรียกใช้งาน Dock, ศูนย์ควบคุม รวมถึงแอพใน Slide Over ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย ใครที่ใช้งาน Mac มาน่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี

7 Magic Keyboard

ฝั่งของอุปกรณ์เสริมมาตามข่าวลือเป๊ะๆ นั่นก็คือ Magic Keyboard รุ่นใหม่ที่มาพร้อม trackpad ที่สำคัญยังรองรับการทำงานกับไอแพดโปรที่ออกปี 2018 อีกด้วย การยึดติดกับ iPad Pro ด้วยแม่เหล็ก และมาพร้อมดีไซน์ที่จะยกหน้าจอ Multi-Touch อันสวยงามให้ลอยขึ้นมา บานพับแบบใหม่ปรับเอียงได้ 130 องศา  เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายไม่ว่าจะวางบนตักหรือบนโต๊ะ ในส่วนของปุ่มกดนั้นเป็นขนาดมาตรฐาน มีปุ่มแบบแบ็คไลท์ช่วยให้พิมพ์ในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น

นอกจากนั้น Magic Keyboard มาพร้อมคุณสมบัติในการชาร์จแบบส่งผ่าน ทำให้ iPad Pro มีพอร์ต USB-C เหลือสำหรับอุปกรณ์เสริมอย่างไดรฟ์และจอภาพภายนอ

8 การเชื่อมต่อเร็วขึ้น

iPad Pro รุ่นนี้รองรับการเชื่อมต่อ  Wi-Fi ที่เร็วยิ่งขึ้น 2 เท่า ส่วนการเชื่อมต่อเครือข่าย LTE เพิ่มความเร็วไปแตะรระดับ Gigabit ที่เร็วขึ้น 60% นอกจากนั้นยังรองรับย่านความถี่ LTE มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ใช้งานได้หลายประเทศมากขึ้น

9 แบตเตอรี่

ทาง Apple เคลมว่า iPad Pro รุ่นใหม่จะมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง เรียกว่าเพียงพอต่อการใช้งานตลอดทั้งวันแน่นอน