เปิดตัวแล้วกับชิป Appel Silicon รุ่นที่สอง คราวนี้เปิดตัวพร้อมกันสองรุ่นคือ Apple M1 Pro และ M1 Max เน้นประมวลผลหนักๆ การทำงานแบบมืออาชีพมากขึ้น แต่ยังคงประหยัดพลังงาน

ชิป M1 Pro:
ชิป M1 Pro ใช้เทคโนโลยีกระบวนการผลิตแบบ 5 นาโนเมตร มีจำนวนทรานซิสเซอร์ 3.37 หมื่นล้านตัว หรือมากกว่าชิป M1 เกิน 2 เท่า ภายในมาพร้อม CPU แบบ 10-core ใหม่ ซึ่งประกอบด้วยคอร์ประสิทธิภาพสูง 8 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงานสูง 2 คอร์ ส่งผลให้ทำงานได้เร็วกว่าชิป M1 ถึง 70%
เมื่อเทียบกับชิปแล็ปท็อป PC แบบ 8-core รุ่นล่าสุด จะทำงานได้เหนือกว่า 1.7 เท่าเมื่อใช้พลังงานในระดับเดียวกัน สามารถทำงานได้ถึงระดับประสิทธิภาพสูงสุดของชิป PC ในขณะที่ใช้พลังงานน้อยกว่าสูงสุด 70%
ฟากของ GPU นั้น M1 Pro ให้มา 16 คอร์ ที่เร็วกว่าชิป M1 สูงสุด 2 เท่า และเร็วกว่ากราฟิกในตัวของชิปแล็ปท็อป PC รุ่นล่าสุดแบบ 8-core สูงสุด 7 เท่า ซึ่งเมื่อเทียบกับ GPU แบบแยกที่ทรงพลังสำหรับโน้ตบุ๊ก PC แล้ว ชิป M1 Pro ก็ยังมีประสิทธิภาพสูงกว่า ในขณะที่ใช้พลังงานน้อยกว่าสูงสุด 70%
นอกจากนี้ชิป M1 Pro ยังสามารถเพิ่ม RAM ได้สูงสุด 32GB เพื่อให้ทำงานเร็วขึ้นพร้อมด้วยแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงสุด 200GB/s ช่วยให้ครีเอทีฟอย่างศิลปิน 3D และนักพัฒนาเกมสามารถทำอะไรๆ ได้มากยิ่งกว่าที่เคย

ชิป M1 Max: ชิปที่ทรงพลังที่สุดในโลกสำหรับโน้ตบุ๊กระดับโปร
ชิป M1 Max มาพร้อม CPU แบบ 10-core ที่ทรงพลังไม่ต่างจาก M1 Pro แต่มี GPU เพิ่มมาสูงถึง 32 คอร์ จึงมีประสิทธิภาพกราฟิกเร็วกว่าชิป M1 สูงสุด 4 เท่า และชิป M1 Max ยังเป็นชิปที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ Apple เคยสร้างมา ด้วยจำนวนทรานซิสเตอร์ 5.7 หมื่นล้านตัว หรือมากกว่าชิป M1 Pro ถึง 70% และมากกว่าชิป M1 ถึง 3.5 เท่า
นอกจากนี้ GPU ยังมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ GPU ระดับไฮเอนด์ในแล็ปท็อป PC ระดับโปรรุ่นขนาดกะทัดรัด แต่ใช้พลังงานน้อยกว่าสูงสุด 40% และมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GPU ระดับไฮเอนต์รุ่นสูงสุดในแล็ปท็อป PC ขนาดใหญ่สุด ในขณะที่ใช้พลังงานน้อยกว่าสูงสุด 100 วัตต์2 นั่นหมายความว่าความร้อนที่เกิดขึ้นก็น้อยลงไปด้วย ทำให้พัดลมหมุนเบาและไม่ต้องทำงานบ่อย แถมยังช่วยให้แบตเตอรี่ใน MacBook Pro ใหม่ใช้งานได้นานอย่างน่าทึ่งด้วย
ชิป M1 Max ยังพลิกโฉมเวิร์กโฟลว์ที่เน้นกราฟิกหนักๆ อย่างการเรนเดอร์ไทม์ไลน์ที่ซับซ้อนใน Final Cut Pro ได้เร็วขึ้นสูงสุด 13 เท่าเมื่อเทียบกับ MacBook Pro 13 นิ้ว รุ่นก่อนหน้า
ชิป M1 Max มีการเชื่อมต่อภายในชิปด้วยแบนด์วิดท์ที่สูงกว่า และมีอินเทอร์เฟซหน่วยความจำมากกว่าชิป M1 Pro ถึง 2 เท่า จึงมีแบนด์วิดท์สูงสุดที่ 400GB/s หรือเกือบ 6 เท่า เมื่อเทียบกับแบนด์วิดท์หน่วยความจำของชิป M1 จึงสามารถปรับแต่งหน่วยความจำแบบรวมที่รวดเร็วให้กับชิป M1 Max ได้สูงสุดถึง 64GB และเมื่อรวมกับประสิทธิภาพที่ยากจะหาใครเทียบ ชิป M1 Max จึงเป็นชิปที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยสร้างมาสำหนับโน้ตบุ๊กระดับโปร

มีเดียเอนจิ้นที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ วันนี้พร้อมแล้วกับ ProRes
ชิป M1 Pro และ M1 Max มาพร้อมมีเดียเอนจิ้นที่ออกแบบโดย Apple เพื่อเร่งความเร็วให้กับการประมวลผลวิดีโอพร้อมกับยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ให้นานที่สุด และชิป M1 Pro ยังมีตัวเร่งความเร็วที่สร้างมาโดยเฉพาะสำหรับ Codec วิดีโอระดับมืออาชีพอย่าง ProRes จึงสามารถเล่นวิดีโอ ProRes ระดับ 4K และ 8K คุณภาพสูงได้หลายสตรีมโดยใช้พลังงานเพียงนิดเดียว ส่วนชิป M1 Max นั้นทรงพลังยิ่งกว่า เพราะสามารถเข้ารหัสวิดีโอได้เร็วกว่าชิป M1 Pro สูงสุด 2 เท่า และมีตัวเร่งความเร็ว ProRes มาให้สองตัว ทำให้ MacBook Pro® ใหม่ที่มาพร้อมชิป M1 Max สามารถแปลงวิดีโอ ProRes ใน Compressor ได้เร็วขึ้นอย่างชัดเจนสูงสุด 10 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Pro 16 นิ้ว รุ่นก่อนหน้า

เทคโนโลยีล้ำสมัยสำหรับระบบที่โปรในทุกรายละเอียด
ทั้งชิป M1 Pro และ M1 Max อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีแบบเฉพาะอันล้ำสมัยที่ช่วยยกระดับเวิร์กโฟลว์ระดับโปรไปอีกขั้น
- Neural Engine แบบ 16-core สำหรับเร่งความเร็วให้การเรียนรู้ของระบบบนอุปกรณ์ และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกล้อง
- เอนจิ้นการแสดงผลใหม่ที่ช่วยให้เชื่อมต่อจอภาพภายนอกได้หลายจอ
- มีตัวควบคุม Thunderbolt 4 ในตัวเพิ่มมาเพื่อแบนด์วิดท์ I/O ที่สูงขึ้น
- โปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพแบบเฉพาะของ Apple พร้อมด้วย Neural Engine ใช้การประมวลผลวิดีโอด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อยกระดับคุณภาพของภาพ ทำให้วิดีโอที่ได้จากกล้องในตัวคมชัดยิ่งขึ้น และมีสีผิวที่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น
- ระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุด อย่าง Secure Enclave ล่าสุดของ Apple, ระบบการบูทที่ปลอดภัยโดยใช้ฮาร์ดแวร์ยืนยัน และเทคโนโลยีป้องกันการเจาะช่องโหว่ขณะรันไทม์

macOS และแอปพร้อมปลดปล่อยความสามารถของชิป M1 Pro และ M1 Max
macOS® Monterey สร้างมาเพื่อปลดปล่อยพลังของชิป M1 Pro และ M1 Max ทั้งในด้านประสิทธิภาพอันเหนือชั้น ความสามารถระดับโปรที่พร้อมสร้างปรากฏการณ์ รวมถึงแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานเหลือเชื่อ และการออกแบบ Monterey มาเพื่อ Apple Silicon ก็ช่วยให้ Mac พร้อมทำงานในทันทีหลังจากพักเครื่อง ในขณะที่ทั้งระบบก็รวดเร็วและตอบสนองฉับไว นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีสำหรับนักพัฒนาอย่าง Metal ที่ทำให้แอปรีดประสิทธิภาพจากชิปใหม่ได้เต็มที่ ส่วน Core ML® ก็ผ่านการปรับแต่งมาอย่างลงตัวเพื่อใช้ประโยชน์จาก Neural Engine อันทรงพลัง ส่งผลให้โมเดลการเรียนรู้ของระบบทำงานได้เร็วขึ้น และมีการใช้ข้อมูลเวิร์กโหลดของแอประดับโปรเพื่อช่วยให้ macOS สามารถมอบหมายงานแบบหลายเธรดไปยังคอร์ CPU ได้อย่างเหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมด้วยคุณสมบัติการจัดการพลังงานอันล้ำสมัยที่คอยจัดสรรงานระหว่างคอร์ประสิทธิภาพและคอร์ประหยัดพลังงานอย่างชาญฉลาดเพื่อที่สุดของความเร็วและระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่
การผนึกกำลังระหว่าง macOS กับชิป M1 Pro, M1 Pro และ M1 Max ยังทำให้การรักษาความปลอดภัยอยู่ในชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นระบบการบูทที่ปลอดภัยโดยใช้ฮาร์ดแวร์ยืนยัน เทคโนโลยีป้องกันการเจาะช่องโหว่ขณะรันไทม์ รวมถึงการเข้ารหัสแบบอินไลน์ที่รวดเร็วสำหรับไฟล์ ยิ่งกว่านั้นแอป Mac ของ Apple ทั้งหมดยังได้รับการปรับแต่งมาอย่างลงตัวและสามารถทำงานได้เลยบน Apple Silicon ทั้งยังมีแอปและปลั๊กอิน Universal ให้ใช้อีกกว่า 10,000 รายการ ส่วนแอป Mac ที่ยังไม่ได้รับการอัปเดตเป็นแบบ Universal ก็สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นโดยอาศัยเทคโนโลยี Rosetta® 2 ของ Apple และผู้ใช้ก็สามารถใช้แอป iPhone® และ iPad® บน Mac ได้โดยตรง ซึ่งช่วยเปิดโลกของความเป็นไปได้ใหม่ๆ อีกมากมาย