เปิดตัวไปแล้วค่ะกับ Apple Watch Series 7 ที่หลายคนคงได้มาในครอบครองแล้ว วันนี้ทางทีมงาน Dailygizmo ได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณ Stan Ng ค่ะ รองประธานฝ่าย Product Marketing ของ Apple Watch ถึงเบื้องหลังหลายๆอย่างที่คนทั่วไปอาจจะยังไม่รู้
หน้าจอใหญ่กว่าเดิมกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้น
แน่นอนว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ทาง Apple มองว่าหน้าจอเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อประสบการณ์การใช้งาน เพราะเราทำทุกอย่างผ่านหน้าจอตลอดเวลา ทั้งการดูเวลา ดูการแจ้งเตือน ใช้งานแอปต่างๆ
การเพิ่มขนาดหน้าจอเองก็มีความท้าทายหลายอย่าง หน้าจอเองต้องพอดีกับข้อมือเพราะเราต้องใส่ใช้งานตลอดทั้งวัน ใส่ทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย รวมถึง Apple Watch เป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่หน้าจอไม่ได้ใหญ่มากเมื่อเทียบกับมือถือ ทำให้แสดงข้อความ/ข้อมูลได้จำกัด ทำให้จำเป็นต้องใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าที่สุด
นั่นจึงเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญของ Apple Watch Series 7 ที่ขยายหน้าจอใหญ่ขึ้นโดยที่ตัวเรือนใหญ่ขึ้นจากรุ่นก่อนหน้านิดเดียว จนหลายคนแทบจะไม่รู็สึกถึงความแตกต่าง แต่ไม่ใช่แค่ทำจอให้ใหญ่แค่ภายนอกแล้วจบ แต่การออกแบบชิ้นส่วนภายในก็ต้องเปลี่ยนแปลง รวมถึงการผลิตก็ต้องปรับเปลี่ยนให้สอดรับดีไซน์ใหม่
ด้วยการออกแบบทางวิศวกรรมใหม่ โดยที่ตัวเครื่องไม่ใหญ่มากตามไปด้วย หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นทำให้ผู้ใช้ได้ประโยชน์หลายอย่าง แต่การขยายหน้าจอต้องไม่ไปส่งผลกระทบต่อการใช้งานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ จนไปถึงสายรุ่นเก่ายังต้องใช้งานร่วมกันได้ เพราะผู้ใช้หลายคนสะสมสายมาตั้งแต่รุ่นแรกๆ สลับใช้งานไปมากับสีและดีไซน์ที่ชอบ
ขอบจอลดลงจาก 3 มิลลิเมตรเหลือแค่ 1.7 มิลลิเมตร ในขณะที่ตัวเครื่องใหญ่ขึ้นแค่มิลเดียว แต่กลับได้พื้นที่ใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 20% เลยทีเดียว การดูรูปภาพ อ่านอีเมลง่ายขึ้น อ่านข้อมูลบนหน้าปัดเพียงแค่ชำเลียงมอง การแตะสั่งงานก็ง่ายขึ้น
ปรัญญาของ Apple คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ใช้งานได้อย่างดี ไม่ใช่แค่ออกแบบให้สวยงามเท่านั้น ดังนั้นในส่วนของ UI ก็ต้องมีการปรับให้สอดรับกลมกลืนและใช้ประโยชน์จากขอบจอโค้งได้อย่างเต็มที่ เริ่มตั้งแต่การปรับเปลี่ยนปุ่มดีไซน์ปุ่มบนหน้าจอใหม่เป็นทรงเม็ดยา กดง่ายขึ้น
ต่อมาคือเรื่องของการออกแบบฟ้อนด์ให้เราสามารถเลือกปรับขนาดได้หลากหลายขึ้น ซึ่งตัวอักษรบน Apple Watch Series 7 นั้นสามารถเลือกปรับให้ใหญ่ขึ้น 2 ขนาดเทียบกับรุ่นเดิมได้ ทำให้เราเห็นข้อความต่างๆชัดขึ้น
สิ่งที่หลายคนรอคอยก็มาสักที่กับแป้นพิมพ์ QWERTY ครั้งแรกบน Apple Watch ส่วนก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ทำเพราะข้อจำกัดหน้าจอที่เล็กเกินไป
นอกจากนั้นก็มีการปรับแอป Photos ให้รับกับหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ด้วยระบบ Grid ใหม่ สามารถหมุน Digital Crown เพื่อซูมเข้าซูมออกดูรูปได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นยังเพิ่มฟีเจอร์ Memories เข้าไปด้วย
หน้าปัดใหม่
อีกหัวใจสำคัญของ Apple Watch คือหน้าปัดนาฬิกาที่แสดงตัวตนของผู้สวมใส่ ซึ่งทุกปี Apple จะออกแบบหน้าปัดใหม่ที่น่าสนใจ เพิ่มข้อมูลที่จำเป็นต่อผู้ใช้ โดยปีนี้จะให้ความสำคัญกับหน้าจอโดยเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่น
หน้าปัด Contour Face ที่ใช้ประโยชน์จากความโค้งของของหน้าจอ ผสมผสานการออกแบบตัวอักษรให้กลมกลืนไปกับขอบโค้ง ตัวเลขจะใหญ่เล็กไปตามแต่ละช่วงเวลาของวัน เบื้องหลังการออกแบบคือระบบกริดใหม่ที่ออกแบบให้โค้งตามหน้าจอ เวลาที่หมุน Digital Crown ตัวอักษรก็จะขยับอย่างสวยงาม
หน้าปัดต่อมาคือ World time ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาคลาสสิก ช่วให้เราสามารถรู้เวลาได้ถึง 24 ไทม์โซนที่ต่างกันได้ในการจ้องหน้าปัดแค่ครั้งเดียว นอกจากนั้นตรงกลางจะเป็นกราฟิกลูกโลก มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่เมืองที่เราเลือก แถมยังรู้ได้ด้วยว่าเมืองนั้นเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน
ใครที่ชอบเอารูปถ่ายมาตั้งเป็นหน้าปัดน่าจะถูกใจ Apple Watch Series 7 เพราะนอกจากรูปจะใหญ่เห็นเต็มตาขึ้น เขายังเอาเทคโนโลยีมาช่วยแยกคนออกจากฉากหลัง แยกเลเยอร์คน ฉากหลัก และเวลา เพื่อทำให้เกิดเอฟเฟค Paralax เวลาที่เราเปลี่ยมุมมองกจะเห็นภาพขยับตาม แถมยังสามารถหมุนปุ่ม Digital Crown เพิ่มหรือลดขนาดคนบนหน้าปัดได้ด้วย
ส่วน Modular Watch Face ที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้ ก็เลือกเพิ่มข้อมูลได้ 2 ข้อมูลบนหน้าปัดเพราะหน้าจอใหญ่ขึ้น รวมถึงเปิดให้เพิ่มข้อมูลจาก Third party ได้ด้วย ทำให้เราเลือกผสมข้อมูลที่ตรงกับความสนใจได้ อย่างหลากหลาย
Nike Bounce face เป็นหน้าปัดที่ใช้ประโยชน์จากเซ็นเซอร์ไจโรสโคปและ Accelerometer ทำให้หน้าปัดนาฬิกาเปลี่ยนไปตามขยับของเรา กระตุ้นให้เราอยากออกกำลังกายมากขึ้น
Hermes มีกราฟิกใหม่บนหน้าปัด ล้อไปกับลายที่อยู่บนสายหนังของ Hermes
ทั้งหมดนี้คือความน่าสนใจส่วนหนึ่งของ Apple Watch Series 7 ใครสนใจก็สามารถไปลองจับลองใช้ได้ที่ Apple Store หรือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการได้ค่ะ จะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเปลี่ยนดีมั้ย