ไม่น่าเชื่อนะคะ ว่าจากงานมหกรรมช้อปปิ้งออนไลน์ที่มีผู้ขายเข้าร่วมแค่ 27 รายเมื่อ 12 ปีก่อน 11.11 จะกลายเป็นปรากฎการณ์งานช้อปปิ้งระดับโลกที่ทุกคนรอคอย แถมยังมีอะไรใหม่ๆ ให้ตื่นตาตื่นใจมากขึ้นทุกปี

 

ปีนี้ต้องบอกว่า 11.11 มีความคึกคักกว่าเดิม เพราะมีแบรนด์ต่างๆ เข้าร่วมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึงกว่า 290,000 แบรนด์ ทั้งแบรนด์จากจีนและต่างประเทศ เพิ่มจากปีที่แล้วถึง 40,000 แบรนด์ ในปีนี้ยังคงเพิ่มการจัดงานเป็น 2 ช่วงเหมือนปีที่แล้ว เพื่อเพิ่มความสนุกในการช้อปปิ้งให้กับผู้บริโภค โดยช่วงแรกจะจัดขึ้นวันที่ 1-3 พฤศจิกายน และวันจริงคือ 11 พฤศจิกายน ส่วนความน่าสนใจของงานในปีนี้ก็มีหลายด้านเลยค่ะ

ยกระดับการช้อปปิ้ง สู่การสร้างคุณค่าเพื่อสังคม

เพื่อให้เป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของฐานผู้บริโภคที่มีจำนวนสูงถึง 900 ล้านคน อาลีบาบาได้สร้างให้มหกรรม 11.11 ปีนี้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดมากขึ้น ข้อเสนอที่พิเศษกว่าเดิม หรือการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ให้แชร์ตะกร้าช้อปปิ้งให้ครอบครัวและเพื่อนๆ เห็นได้ในโซเชียลมีเดีย

ในปีนี้ อาลีบาบาได้ใช้นวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อน 11.11 ให้ก้าวไปอีกขั้น เพื่อยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งไปสู่การสร้างคุณค่า โดย คริส ต่ง ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการตลาด อาลีบาบา กรุ๊ป ได้เปรียบเทียบไว้ว่า 11.11 ก็เหมือนกันคน คือในวัยเด็ก พ่อแม่ก็จะเน้นสร้างพัฒนาการเติบโต แต่เมื่อโตขึ้นเป็นวัยรุ่น พ่อแม่ก็จะหันไปให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสามารถ เพื่อโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในสังคม

กระตุ้นให้คนทุกกลุ่มมีส่วนร่วม

เดิมทีกลุ่มผู้ซื้อหลักของอีคอมเมิร์ซคือ คนรุ่นใหม่ แต่ในปีนี้อาลีบาบาได้เพิ่มธีมหลัก คือ สร้างการมีส่วนร่วมของทุกคนในสังคม เปิดโอกาสให้คนทุกกลุ่มและทุกวัยสามารถร่วมมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลกได้

เริ่มตั้งแต่กลุ่มผู้สูงอายุที่อาจจะมีปัญหาด้านสายตาหรือยังใช้งานเทคโนโลยีไม่คล่อง ดังนั้นแอปเถาเป่า (Taobao) จึงได้เพิ่มโหมดสำหรับผู้สูงวัยเข้ามา โดยเมื่อเปิดใช้ฟีเจอร์นี้แล้ว แอปจะปรับขนาดตัวอักษรและไอคอนให้ใหญ่ขึ้นเพื่อให้อ่านง่าย และมีอินเทอร์เฟซการใช้ไม่ซับซ้อน รวมถึงสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้

ส่วนกลุ่ม Gen Z ที่เกิดตั้งแต่ปี 2538 นั้น กำลังก้าวเข้ามามีบทบาทในการช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น ทีมอลล์ (Tmall) จึงได้เพิ่มฟีเจอร์แนะนำสินค้าที่กำลังมาแรงและตรงกับความสนใจของคนกลุ่มนี้ เช่น สินค้าในธีมจีนดั้งเดิม ของเล่นแนวอาร์ต และกล่องสุ่ม 

สนับสนุนไลฟ์สไตล์รักษ์โลก

ตอนนี้บริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลกต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม อาลีบาบาก็เช่นกัน  โดยอาลีบาได้เริ่มให้ความสำคัญกับสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่มหกรรมช้อปปิ้งกลางปี 618 และในมหกรรม 11.11 นี้ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนเช่นกัน 

เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ในมหกรรม 11.11 ทางอาลีบาบายังได้ร่วมมือกับแบรนด์ในการลดการปล่อยคาร์บอนลง และใช้บรรจุภัณฑ์จากพลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้ ทางฝั่งไช่เหนียว เน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์ของอาลีบาบา ยังเปิดตัวจุดรับรีไซเคิลกล่องบรรจุภัณฑ์ 60,000 จุด ภายในศูนย์บริการของไช่เหนียว 10,000 แห่ง ใน 20 เมืองทั่วจีน เพื่อให้ผู้ซื้อนำกล่องพัสดุมารีไซเคิลได้ จึงช่วยลดปริมาณขยะ

นอกจากนั้นในทีมอลล์ (Tmall)  เองก็มีการโปรโมทสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการเพิ่มส่วนแสดงสินค้าประหยัดพลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ แถมยังจูงใจผู้ซื้อด้วยการแจงคูปองสีเขียวมูลค่ารวม 500 ล้านบาท ให้กับลูกค้าใช้ซื้อสินค้าในหมวดนี้ เพื่อกระตุ้นไลฟ์สไตล์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

 

คืนกำไรให้สังคม

ทางอาลีบาบาเองยังใช้งานนี้เป็นการสร้างคุณค่าให้สังคม ด้วยโครงการสินค้าเพื่อสังคมหรือ Goods for Good ของอาลีบาบา ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2549 ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อสามารถช่วยสนับสนุนองค์กรการกุศลที่ตนชื่นชอบ ด้วยการซื้อสินค้าจากร้านค้าที่สนับสนุนองค์กรเหล่านั้น ซึ่งจะหักกำไรส่วนหนึ่งเพื่อนำไปบริจาคเข้าองค์กรการกุศล

ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา โครงการสินค้าเพื่อสังคมได้ให้ความช่วยเหลือแล้วกว่า 43 ล้านครั้ง เช่น บริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์กว่า 3 ล้านชิ้น และติดตั้งระบบกรองน้ำให้โรงเรียนในชนบท 200 โรง รวมถึงเลี้ยงอาหารกลางวันผู้สูงอายุในจีนที่อยู่โดดเดี่ยวราว 500,000 มื้อ

 

ช้อปปิ้งข้ามแดน

การระบาดของโควิดทำให้ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ ผู้บริโภคจีนจึงหันมาซื้อสินค้าต่างประเทศจากทางออนไลน์แทน ซึ่งทีมอลล์ โกลบอล เป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้เป็นอย่างดี

ในฐานะแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่นำเสนอแบรนด์ต่างชาติเป็นรายแรก ทีมอลล์มีสินค้าจากแบรนด์ที่หลากหลาย และล่าสุดก็ได้ตอบสนองเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาสินค้าจากแบรนด์นิช (niche) และสินค้าเฉพาะกลุ่มที่หลากหลายกว่าเดิม  เช่น ผู้บริโภคชนชั้นกลางที่เป็นผู้หญิงกำลังค่อยๆ เปลี่ยนจากแค่เพียงซื้อของเข้าบ้านให้ครอบครัว เป็นการช้อปปิ้งให้ตนเองมากขึ้น 

ฝั่งของการสนับสนุบผู้ขาย ทีมอลล์ โกลบอล มีพื้นที่ในคลังสินค้า Bonded หรือพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้เก็บสินค้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร มากถึง 20,000 ตารางเมตร จึงมีศักยภาพด้านซัพพลายเชนสูง ในการจัดเก็บสินค้านำเข้าเพื่อรอส่งให้ผู้บริโภคชาวจีนได้อย่างรวดเร็ว 

ส่วนแบรนด์ต่างประเทศที่ไม่ต้องการบริหารจัดการร้านค้าแฟลกชิปเอง ทีมอลล์ โกลบอล ก็มีโซลูชั่นค้าปลีกเต็มรูปแบบที่ช่วยดูแลการดำเนินงานค้าปลีกให้กับแบรนด์ที่เข้ามาทำตลาดในจีนด้วย


ทั้งหมดนี่คือความน่าสนใจของงานในปีนี้ ส่วนใครที่เล็งไอเท็มชิ้นไหนไว้ก็ขอให้สนุกกับการช้อปปิ้งนะคะ