ด้วยการเปิดกว้างให้คนสามารถลงวิดีโอได้อย่างมากมาย ส่งผลให้ยูทูปการเป็นเว็บวิดีโอออนไลน์ที่กลายเป็นแหล่งข่าวหลักๆของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตไปซะแล้ว
บัดนี้ยูทูปไม่ได้มีแค่เพียงคลิปหมาแมวอีกต่อไป จากการสำรวจล่าสุดของ Pew Center แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้เว็บเข้ามาชมวิดีโอออนไลน์เพื่อค้นหาข่าวสารมากขึ้น โดยเฉพาะข่าวสารที่คนทางบ้าน(หรือเรียกโก้ๆว่านักข่าวพลเมือง)ทำขึ้นเองเพื่อรายงานภัยพิบัติและเหตุการณ์ต่างๆ
จากการศึกษาในระยะเวลา 15 เดือนที่ดำเนินการโดย Project for Excellence in Journalism ของ Pew พบว่าคำค้นหาที่เกี่ยวกับการรายงานข่าวถูกใช้บ่อยๆกว่าคำอื่นภายในระยะเวลา 5 เดือนของการสำรวจ นั่นเป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมข่าวและคนเริ่มนิยมใช้ยูทูปเป็นแหล่งข่าวมากขึ้น
และนี้ก็คือผลการวิจัยสำคัญที่งานวิจัยชิ้นนี้สรุปออกมาได้:
- คลิปวิดีโอที่เกี่ยวกับภัยธรรมชาติหรือการเมืองเป็นคลิปที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
- คลิปที่ถ่ายโดยนักข่าวพลเมืองเป็นปัจจัยสำคัญในระบบนิเวศทางด้านข่าวของยูทูป
- ผู้ใช้ยูทูปส่วนหนึ่งจะทำการโพสต์วิดีโอที่มาจากสำนักข่าวมืออาชีพต่างๆ เช่น ทีวี, เคเบิ้ล ซึ่งคลิปเหล่านี้ช่วยสร้างสัดส่วนคลิปข่าวบนยูทูปได้เป็นอย่างดี
- การที่คลิปวิดีโอไม่มีการตัดต่อช่วยเพิ่มความสนใจให้ผู้ชมเข้ามาดูเหตุการณ์นั้นๆเพิ่มขึ้น (คลิปข่าวกว่า 42% บนยูทูปก็เป็นคลิปที่ไม่มีการตัดต่อ)
- บุคลิกของผู้ประกาศข่าวไม่มีผลต่อความนิยมในการชม มีเพียง 5 % ของคลิปที่ดำเนินรายการคนเดียวโดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นๆเลย
- คลิปสั้นๆ (ประมาณ 2 นาที) เป็นคลิปที่ได้รับความนิยมมาก 33% ของคลิปเนื้อหาเชิงวิเคราะห์จะมีความยาว 2-5 นาที มีแค่ 18%เท่านั้นที่เกิน 5 นาที
- เหตุการณ์ซึนามิที่ญี่ปุ่น, บินลาเดนถูกสังหาร และคลิปคนจรจัดที่มีเสียงร้องเพลงที่ไพเราะราวกับพระเจ้าประทานมาให้ เป็นคลิปที่ได้รับความนิยมที่สุด
สำหรับคนที่ติดตามอ่านข่าวแบบออนไลน์ก็คงไม่น่าแปลกใจกับผลการศึกษาครั้งนี้สักเท่าไหร่ การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมข่าวก็ยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งปัจจุบันใครๆก็เป็นนักข่าวได้ เพียงแค่มีเฟซบุ้ค ทวิตเตอร์ หรือยูทูปที่สามารถใช้รายงานข่าวสดๆจากที่เกิดเหตุได้ ซึ่งองค์กรข่าวแบบเดิมๆก็ต้องปรับตัวไปตามเทคโนโลยี แต่มันก็เป็นเรื่องยากนะที่จะชี้ว่าช่องทางหรือสื่อไหนจะรายงานได้เร็วและมีผู้ติดตามมากที่สุด ซึ่งก็ต้องคิดกันต่อไปค่ะ
VIA digitaltrends
