Project Ara ไม่ใช่แค่สมาร์ทโฟนรูปแบบใหม่แต่มันอาจจะมาเปลี่ยนอุตสาหกรรมมือถือไปแบบพลิกฝ่ามือ เมื่อเราสามารถเลือกประกอบเฉพาะชิ้นส่วนที่ต้องการใช้งานได้

Spiral-2-prototype-and-endo-rear_2251-820x420

โปรเจคนี้มาได้เกินครึ่งทางแล้ว อีกไม่นานเราจะได้ใช้งานกันจริงๆ แต่หลายคนก็ยังมีข้อสงสัยอีกเพียบ ทางกูเกิลเองเพิ่งจัดงานใหญ่สำหรับนักพัฒนาไปเมื่อวาน และนี่ก็คือรายละเอียดสำคัญๆที่คุณควรศึกษาเอาไว้ก่อน

Spiral-2-modules_1501-600x239

Magnets ทำงานยังไง?

ชิ้นส่วนต่างๆของ Project Ara จะเรียกว่า โมดูล ซึ่งคุณสามารถถอดเปลี่ยนได้อย่างง่ายดายเพราะมันใช้หลักการของแม่เหล็กในการยึดโมดูลให้อยู่กับที่ ซึ่งแม่เหล็กที่ใช้ไม่ใช่แม่เหล็กธรรมดาๆ แต่เป็นแม่เหล็กไฟฟ้าฐาวร (electro-permanent magnets) ซึ่งช่วยให้เปิด/ปิดการทำงานบางส่วนเมื่อได้รับคลื่นไฟฟ้าในเวลาสั้นๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีกระแสไฟฟ้าไปเลี้ยงตลอดเวลา นั่นจึงทำให้ช่วยให้การยึดติดดีขึ้น ถอดเปลี่ยนง่ายขึ้นโดยไม่เปลืองแบตเตอรี่

google-project-ara-sg-41-600x324

Pollution Sensor

การออกแบบโมดูลนั้นกูเกิลจะใช้มาตรฐาน Spiral 2 reference design นอกจากนั้นเค้ายังเผยรายละเอียดเกี่ยวกับโมดูล pollution sensor ที่กำลังพัฒนา เมื่อติดเข้าไปมันก็จะเปลี่ยมือถือเป็นอุปกรณ์วัดคุณภาพอากาศ ไม่เพียงแค่มันจะเป็นชิ้นส่วนเสริมเท่านั้น ต่อไปในอนาคตมันอาจจะเป็นชิ้นส่วนหลักในสมาร์ทโฟนเลยก็ได้

google-project-ara-sg-71-600x340

wireless

ในมาตรฐาน Spiral 2 แต่ละโมดูลจะเชื่อมต่อกับ endo ด้วยการใช้ spring-loaded pins ปัจจุบันมาตรฐาน Spiral 2 ของโมดูลขนาด 1 x 1 จะประกอบไปด้วยพอร์ต microUSB สำหรับชาร์จและ sync ข้อมูล

ส่วนในมาตรฐาน Spiral 3 จะเปลี่ยนไปใช้การเชื่อมต่อแบบไร้สายแทน ด้วยการใช้แผ่นมาตรฐานติดกับ bay บน endo จะช่วยให้เชื่อมต่อไร้สายในระยะสั้นๆด้วยความเร็วสูงได้ ข้อดีก็คือเวลาถอดเปลี่ยโมดูล ผู้ใช้จะได้ไม่ต้องกลัวว่าเข็มจะไปขีดข่วนเคสหรือชิ้นส่วนอื่นๆให้เป็นรอย แต่อย่างไรก็ตามมาตรฐานนี้จะยังไม่ถูกนำมาใช้ เพราะปัญหาเรื่องแบตเตอรี่

 

google-project-ara-sg-31-600x327

อายุการใช้งาน Battery life

แบตเตอรี่คือ หัวใจสำคัญของการเลือกซื้อมือถือ เพราะยิ่งมีโมดูลหลายชิ้น การกินไฟก็จะเพิ่มขึ้นตามชิ้นส่วนที่ใช้ ซึ่ง Project Ara จะมีข้อดีก็คือ สามารถถอดเปลี่ยนแบตได้ง่ายและรวดเร็วภายใเวลาไม่ถึงนาที นอกจากนั้นยังสามารถใส่แบตเตอรี่มากกว่า 1 ก้อนลงในเครื่องได้ นั่นหมายความว่าคุณก็จะใช้งานได้นานขึ้นมากกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ แต่ก็ต้องแลกกับการเสียพื้นที่ติดตั้งโมดูลอื่นๆไป

google-project-ara-sg-81-600x348

module เป็นอะไรก็ได้ ขอให้ทำงานได้

ทาง ATAP มุ่งเน้นให้การติดตั้งโมดูลให้ใช้งานง่ายที่สุด ทั้งในส่วนของผู้ใช้และนักพัฒนา ซึ่งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์จะเป็นไดรเวอร์ Linux ที่รองรับการใช้งานแบบ plug & play ด้านนักพัฒนาถ้ามีไดรเวอร์ของตัวเอง เขียนโค้ดแค่ 20-30 บรรทัด โมดูลก็สามารถทำงานได้แล้ว ส่วนคนพัฒนาแอป ก็มี API library ให้เอาไว้จัดการกับ non class conforming modules จึงไม่ต้องใช้ความรู้อะไรมากในการจัดการกับโมดูล

นอกจากนั้น Project Ara phone ยังใช้บริการ “endo” ใหม่ของแอนดรอยด์ รวมถึงมีแอป Ara manager ในการจัดการโมดูลต่างๆโดยใช้ภาพ สามารถสั่งงานล็อค/ปลดล็อคโมดูล, เปิด/ปิดการทำงาน, วัดปริมาณแบตเตอรี่, ดูสถานะการทำงานของแต่ละโมดูล, อัพเดทเฟิร์มแวร์ เป็นต้น ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการเครื่องได้อย่างง่ายดาย

Security

ปัญหาที่หลายคนกังวลก็คงเป็นเรื่องความปลอดภัย โมดูลแต่ละชิ้นจะถอดง่าย ขโมยง่ายรึเปล่า ทาง ATAP จึงได้คิดวิธีระบุตัวตนของโมดูลไว้โดยใช้ ID เจ้าของเครื่อง, security certificates และข้อมูลอื่นๆ ซึ่งใช้รักษาความปลอดภัยของทั้งเครื่องด้วย ซึ่งจะทำให้การขโมยชิ้นส่วนไปขายยากขึ้น ส่วนตัวเครื่องก็สามารถตั้งรหัสผ่าน , Pin หรือ Pattern lock ได้เหมือนมือถือทั่วไป หายห่วง

Spiral-2-prototype-scattered_2641-600x400

เพิ่มลวดลายลงบนโมดูลได้

Spiral 2 นั้นจะมีซีพียูจากหลายค่ายให้เลือกใช้ ตั้งแต่ Marvell ไปจนถึง NVIDIA แต่ที่น่าสนใจก็คือ custom chip ที่พัฒนาโดย Rockwell ที่ผู้ใช้สามารถสั่งพิมพ์ลวดลายเพิ่มความสวยงามลงบนตัวโมดูลได้ แต่อันนี้ต้องรอจนกว่าจะใช้ Spiral 3 (คาดว่าไม่เกินไตรมาสแรกของปี)

google-project-ara-sg-9-600x353

รูปแบบอื่นกำลังจะตามมา

ตอนนี้ Project Ara ยังรองรับแค่รูปแบบของสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ต่อไปโมดูลแบบนี้จะพัฒนาต่อยอดไปอยู่ใรูปแบบอื่นๆ ที่จะมาก่อนใครก็คืออแท็บเล็ต, สล็อตบนแผงจอในรถยนต์หรือกำแพงในบ้านอัจฉริยะ แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้นเราก็ต้องมารอดูก่อนว่าตลาดจะให้การตอบรับกับสมาร์ทโฟนประกอบเองได้มากน้อยแค่ไหน

 

VIA Slashgear